All Dark Green Lines news have been started from here.
http://www.skyscrapercity.com/showthread.php?t=514835&page=37
......
แค่ 2.2 ก.ม.เส้นทางนี้มีความหมาย
Dailynews 2548
ความหวังของชาวฝั่งธนฯ ที่จะมีรถไฟฟ้าเป็นความจริงแล้ว เมื่อที่ประชุมสภา กทม. มี ส.ก. กว่า 50 คน ยกมือเป็นเอกฉันท์เห็นด้วยกับมติที่ประชุมขออนุมัติงบประมาณในการสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสาทรถึงตากสิน ในวงเงินประมาณ 2,394 ล้านบาท สร้างความดีอกดีใจให้ชาวฝั่งธนฯ และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง
ย้อนถึงที่มาที่ไปของ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสาทร-ตากสิน แรกเริ่มเดิมทีตอม่อ และทางวิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นโครงสร้างโครงการทางยกระดับเลียบคลองภาษีเจริญ สมัย พิจิตต รัตตกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ทำ ทิ้งไว้ ปรากฏว่าสมัยนั้นทำไม่สำเร็จ
สร้างได้ตรงช่วงเชิงสะพานสาทรฝั่งธนบุรี ผ่านแยกตากสินไปตามแนวถนนตากสิน-เพชรเกษม และไปสิ้นสุดที่บริเวณจุดตัดคลองภาษีเจริญ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร สาเหตุที่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ชาวบ้านคัดค้าน โครงการจึงถูก ยกเลิกไป
ต่อมาสมัย สมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. รัฐบาลได้หยิบยกโครงการนี้เข้ามาในที่ประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบโครงการขนาดใหญ่ (อจข.) สมัยนั้น เห็นควรให้ปรับโครงการดังกล่าวเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าเนื่องจากแนวสายทางซ้อนทับกับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสาทร-ตากสินมีระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2543 โดยเห็นชอบโครงการส่วนต่อขยาย 3 สาย ได้แก่ สายสีลม จากสาทรไปตากสิน 2.2 กิโลเมตร สายสุขุมวิท จากอ่อนนุชไปสำโรง 8.9 กิโลเมตร และสายพระราม 3 ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร
ภายใต้เงื่อนไขให้กรุง เทพมหานครจัดหาผู้ลงทุนตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนปี 2535 โดยให้เอกชนลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม กทม. ได้เชิญชวนเอกชนมาลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์ ตามมติคณะรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดสนใจ จึงต้องปรับเนื้องานโดยให้ผู้รับเหมาขยายเส้นทางสร้างฐานรากทางรถไฟฟ้า จากสะพานสาทรฝั่งธนบุรี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีตากสิน และต่อขยายจากจุดตัดเลียบคลองภาษีเจริญไปถึงถนนเพชรเกษม (บางหว้า) รวมระยะทาง 6.7 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 1,438 ล้านบาท
เมื่อมาถึงสมัยผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน อภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ออกประกาศเดินหน้า ใช้เงิน กทม. 100 เปอร์เซ็นต์ ในการก่อสร้างส่วนต่อขยาย อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2548 ที่ให้สิทธิ กทม. ทำโครงการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และตาม พ.ร.บ. กำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นปี 2542 โดยใช้งบทั้งหมด 2,393 ล้านบาท แต่ต้องเสนอโดยสภากทม. เพื่อขอนุมัติเพิ่มเติม จากเดิมที่ขอไว้เพียง 1,113 ล้านบาท เพื่อชดเชยในส่วนที่จะขอสนับสนุนจากรัฐบาล
ดังที่กล่าวข้างต้น ผลของการลงมติจะมีการสร้างส่วนต่อขยายโดย กทม. ซึ่งในระยะทาง 2.2 กิโลเมตรดังกล่าว จะมี 2 สถานีคือสถานีกรุงธนบุรี และสถานีสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซึ่ง กทม. ตั้งเป้าไว้จะเปิดให้บริการได้ภายใน 1 ปี คาดว่าจะมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 10 บาทไม่เกิน 40 บาทตามระยะทางตลอดสาย
ปัจจุบันสภาพการจราจรของย่านฝั่งธนฯ-สาทรมีความคับคั่งมาก แต่ละวันปริมาณรถยนต์ ที่ข้ามสะพานสาทรมีมากถึง 100,000 คัน ในชั่วโมงเร่งด่วน ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ต้องใช้บริการทั้งรถและเรือเพื่อสัญจร และจุดสำคัญคือการใช้บริการเรือโดยสารจากท่าเรือสาทร เพื่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าตากสิน
พ.ต.ท.กิตติพันธุ์ รองผู้กำกับจราจรสถานีตำรวจยานนาวา ชี้แจงสภาพ การจราจรของถนนสาทรว่า ในช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วน รถที่มาจากนอกเมืองทั้งสาทรเหนือ-ใต้ ซึ่งวิ่งมาจากถนนตัดใหม่ได้แก่ถนนพระรามที่ 5 และรัตนาธิเบศร์ ถนนดังกล่าวไม่มีสัญญาณไฟจราจร เมื่อวิ่งมาตรงบริเวณแยกสาทร ทำให้รถสะสมประกอบ กับบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของโรง เรียนอัสสัมชัญ เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพคริสเตียน ผู้ปกครองต้องใช้รถส่วนตัวมาส่งบุตรหลาน นอกจากรถมุ่งหน้าเข้าเมืองสู่ถนนพระรามที่ 4 ถนนสีลม เวลา 09.00-10.00 น. แล้ว ปริมาณรถยังหนาแน่น
ส่วนช่วงเย็น ในทาง กลับกันตั้งแต่ 14.00 น. เป็นต้นไป บรรดารถผู้ปกครองจะเริ่มทยอยมารอรับบุตรหลาน ปริมาณรถจะหนาแน่นขึ้นอีกจนถึงเวลา 17.00- 18.00 น. บรรดาออฟฟิศย่านสาทรเลิกงาน ปริมาณรถออกมาสู่ถนนเพิ่มขึ้น จนยาวเหยียดไปจนถึง 21.00 น. แต่หลังจาก 22.00 น. มีรถบรรทุกวิ่งเข้าเมือง อีกระลอก เรียกว่าย่านนี้ติดขัดกันเกือบทั้งวัน
“ในช่วงฝนตกจะสาหัสกว่านี้ ยิ่งในช่วงเช้านักเรียนลงรถช้า รถจะหยุดนาน ส่วนใหญ่โรงเรียนแถวนี้จะเป็นเด็กเล็กเด็กอนุบาลทำให้ช้าไปอีก และตรงป้ายหยุดรถประจำทางหลังจอด แล้วรถ ขสมก. ต้องเปลี่ยนเลน ยิ่งทำให้รถติดเพิ่มขึ้น”
อย่างไรก็ตามจากสภาพการจราจรของย่านนี้ จนทำให้ชื่อย่านสาทรถูกเรียกขานใหม่ว่าย่านสาหัส การระดมกำลังตำรวจเต็มพื้นที่อย่างหนาแน่นยังไม่เพียงพอ ย่านนี้ยังมีอาสาจราจรซึ่งเป็นประชาชนในย่านนั้นอาสามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจโบกรถ แต่ก็ไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นในช่วงเปิดเทอม ผู้ปกครองของนักเรียนย่านนี้จะต้องเข้ามาร่วมประชุมเพื่อหารือปรับแผนรับมือร่วมกัน
และยิ่งเป็นผู้ปกครองใหม่ที่นี่จะได้รับคู่มือการแก้ไขปัญหาจราจรร่วมกัน ซึ่งเป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ให้บุตรหลานเตรียมตัวลงรถตั้งแต่ก่อนถึงโรงเรียน โดยต้องไปนั่งอยู่ฝั่งที่จะลง ห้ามเอากระเป๋านักเรียนไว้ท้ายรถ จะเสียเวลาตอนเปิดท้ายรถ ผู้ปกครองต้องปลุกลูกก่อนถึงโรงเรียน เพราะเด็กบางคนบ้านไกลต้องตื่นเช้า จึงนั่งหลับมาตลอด ทำให้เสียเวลาปลุกจอดรถแช่นาน และยังมีระบบรุ่นพี่รับรุ่นน้อง ตอนลงจากรถพ่อแม่ไม่ต้องจอดรถเพื่อเดินไปส่งลูกถึงในโรงเรียน
“คิดว่าเมื่อมีรถไฟฟ้า จะมีประโยชน์ทำให้การจราจรย่านนี้ดีขึ้น แต่ข้อสำคัญต้องมีจุดจอดรถของผู้ปกครองก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟฟ้า ทางที่ดีกลุ่มผู้ปกครองที่นั่งรถไฟฟ้ามาส่งลูก ควรจะได้รับค่าโดยสารที่ถูกลง ถ้าไม่ทำเช่นนี้ บริเวณจุดหน้า โรงเรียนก็มีปัญหาจราจรเหมือนเดิม และบริเวณแยกสาทรควรสร้างสะพานลอยคนข้าม จะช่วยลดปัญหาจราจรได้อีกขั้นหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ ตร. ผู้คลุกคลีกับปัญหาจราจรย่านนี้มาตลอดให้คำแนะนำ
ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า 2.2 กิโลเมตร ที่คนต่างจังหวัดมองว่าสั้นนิดเดียวแต่กับคนกรุงเทพฯ แล้วยิ่งใหญ่ เพราะหมายถึงวิถีชีวิตของเด็กและผู้คนย่านธนบุรีกำลังได้รับการพัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้นหลายคนหวังไว้อย่างนั้น.
ใช้รถไฟฟ้าตลอดสายไปฝั่งธนฯค่าโดยสารไม่เพิ่ม เร่งเจรจาบีทีเอสเดินรถสรุปแผนเสร็จ ธ.ค.นี้
Dailynews 27/11/2008
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยกรณี ได้รับการมอบหมายจาก กทม. ให้เป็นผู้บริหารระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมจากสาทร-ตากสิน ระยะทาง 2.2 กม. ซึ่งล่าสุดนายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ระบุว่าเตรียมทดลองเดินรถเดือน เม.ย. ปีหน้า และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 12 ส.ค. 2552 ว่า แม้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จะลาออกจากผู้ว่าฯ กทม. แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานก่อสร้างและงานวางระบบรถไฟฟ้า
ขณะนี้งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องยังดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ ในส่วนของกรุงเทพธนาคม อยู่ระหว่างศึกษาวิเคราะห์รูปแบบว่าจ้างการเดินรถ และศึกษารูปแบบการจัดเก็บค่าโดยสาร
ในส่วนการว่าจ้างเดินรถบริษัทได้เสนอทางเลือกที่ใกล้เคียงกับรูปแบบการบริหารโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติใช้ในโครงการแอร์พอร์ตลิงก์และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง คือ แบบ Gross cost เป็นรูปแบบที่ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ ADB ได้ศึกษาไว้และมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย โดยผู้รับจ้างเดินรถจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าจ้างเท่านั้น รายได้จากค่าโดยสารทั้งหมดจะเข้า กทม. สามารถควบคุมอัตราค่าโดยสารและคุณภาพในการให้บริการได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอส เพื่อว่าจ้างมาเดินรถ ซึ่งคิดค่าจ้างทั้งแบบผันแปรและคงอยู่ อยู่ระหว่างสรุปตัวเลข
นายอมร กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการจัดเก็บค่าโดยสารนั้น ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรม สะดวกในการเดินทางโดยเบื้องต้นแม้จะเปิดใช้เพิ่มอีก 2.2 กม. แต่ประชาชนก็สามารถเชื่อมต่อการเดินทางตลอดสายโดยจ่ายค่ารถไฟฟ้าเท่าเดิมที่บีทีเอสเก็บอยู่ 15-40 บาท ซึ่งสามารถขยายเพดานได้ถึง 45 บาท แต่บริษัทเก็บเพียง 35 บาท ส่วนการแบ่งรายได้ส่วนที่เป็นของ กทม.รายได้จะเข้า กทม. ส่วนที่เป็นของบีทีเอสรายได้จะเข้าบีทีเอส อยู่ระหว่างสรุปตัวเลขเช่นกัน
คาดว่าจะนำทั้ง 2 ส่วนเสนอ สจส. พิจารณาภายในเดือน ธ.ค. นี้ ทั้งนี้ก่อนการเดินรถบริษัทต้องเตรียมงานในรายละเอียดต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ เช่น การจัดหาและฝึกอบรมบุคลากร อย่างน้อยต้องใช้ระยะเวลา 6-8 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ.