SkyscraperCity Forum banner

Trat | The Eastern Gem

60K views 151 replies 22 participants last post by  wwc234 
#1 ·
แผนเสกหมู่เกาะช้าง ของบหมื่นล้าน7ปี สวรรค์กลางทะเล

เปิดแผนแม่บทพัฒนาเกาะช้างอพท.ขอหมื่นล้านใน 7 ปี ทุ่มพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรับแผนเป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮเอ็น ทั้งเร่งศึกษาเปิดเกาะให้เอกชนสัมปทาน"วันไอส์แลนด์ วันรีสอร์ท" สร้างสนามบินเล็ก ท่าเรือเฟอร์รี่ ภายใต้คอนเซ็ปท์อีโค-ทัวร์ริสซึ่ม ด้านนายทุนชะงักหลังที่ดินพุ่งไร่ละ10 ล้านบาท





แม้จะล่าถอยแผนจัดระเบียบเกาะพีพี.เพราะโดนต้านอย่างหนัก แต่ที่เกาะช้างอันเป็นจุดกำเนิดขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) หรืออพท.นั้น ยังทำงานต่ออย่างแข็งขัน


แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการท่องเที่ยว ผู้ประสงค์จะให้ข่าวแต่ไม่ประสงค์ออกนาม แจงว่า เวลานี้การจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาเกาะช้างของอพท.ศึกษาแล้วเสร็จเรียบร้อย แถมผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารของ อพท.รอเพียงเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้


ทั้งนี้ ตามแผนแม่บทได้กำหนดเม็ดเงินที่จะใช้ ในการพัฒนาเกาะช้างและเกาะบริวาร 52 เกาะ โดยใช้งบในราว 10,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณประจำปีผูกพันเป็นระยะเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2549-2555 โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงนิเวศน์ และมีการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน


"ส่วนงบประมาณร่วมหมื่นล้านจะเป็นงบที่กระจายผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้น ในเรื่องของการสร้างสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงถนนหนทางภายในเกาะ การจัดระบบไฟฟ้า แหล่งน้ำ ประปา โทรศัพท์ การคมนาคม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านบริการ ท่าเรือเฟอร์รี ศูนย์อะควอเรียม พิพิธภัณฑ์ สนามบินขนาดเล็ก ฯลฯ ที่ถือเป็นการลงทุนแบบบูรณาการ ซึ่งบางโครงการอาจจะเปิดให้ภาคเอกเชนเข้ามาลงทุนด้วย"


แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุอีกว่า ในส่วนที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วม อาจเป็นการลงทุนในลักษณะเปิดสัมปทาน เช่น ท่าเรือเฟอร์รี่ การลงทุนสนามบินขนาดเล็ก เพื่อเชื่อมโยงในพื้นที่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะหมาก เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก รวมถึงแนวทางการเปิดเกาะ ให้ภาคเอกชนสัมปทานลงทุนในลักษณะ"วันไอส์แลนด์วันรีสอร์ท" ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นกำหนด 3 เกาะที่จะเปิดให้สัมปทานคือ เกาะคลุ้ม เกาะหวาย และเกาะใบตั้ง


"การเปิดให้ภาคเอกชนสัมปทานลงทุนนั้นจะต้องมีกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนเพราะขณะนี้เป็นเพียงแค่การศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น โดยรายละเอียดจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยต้องเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับแผนแม่บท และต้องสร้างรีสอร์ทที่มีมาตราฐาน และภายใต้แนวคิดอีโคทัวร์ริสซึ่ม"


แค่แง้มแนวทาง เวลานี้มีภาคเอกชนหลายรายทั้งในและต่างประเทศ สนใจถามสอบข้อมูลเกาะบริวารทั้ง 52 เกาะ เพื่อเตรียมลงทุน ซึ่งความเป็นไปได้นั้นอาจจะเปิดสัมปทานเหมือนกับที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ คือเป็นรีสอร์ทหรูหราและขายห้องพักในราคาแพงมากมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับครบและคุ้มค่ากับการลงทุน"


ส่วนสนามบินก็จะเป็นสนามไซส์จิ๋ว สำหรับเครื่องขนาด 20-30 ที่นั่งเท่านั้น โดยต้องการให้เป็นเครื่องบินแบบเอ็กคลูซีฟ ให้บริการเชื่อมโยงระหว่างเกาะช้างกับเกาะบริวาร เกาะกูด เกาะหมาก เป็นต้น ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรองรับตลาดระดับเศรษฐี


ขณะที่สนามบินตราดนั้นจะเป็นจุดที่เชื่อมบนฝั่งพื้นดิน เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวระดับสูง ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของรีสอร์ทลงทุนเองหรือรัฐบาลลงทุนก็ได้


ทั้งนี้สำหรับแผนแม่บทในการพัฒนาเกาะช้างนั้นแบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็น 4 โซนใหญ่ ๆ


ประกอบด้วยกลุ่มเกาะช้าง เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติที่หลากหลายรูปแบบชุมชนนิเวศน์ (อีโค-วิลเลจ) กลุ่มเกาะหมาก เป็นการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลเช่น


ดำน้ำ ชมปะการัง พิพิภัณฑ์ทางทะเล กีฬาทางน้ำและ"วัน ไอส์แลนด์ วัน รีสอร์ท"


กลุ่มเกาะกูด เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบเอ็กคลูซีฟ โซน มีมาตรการอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมอย่างเข้ม และพื้นที่เชื่อมโยงผังเมืองตราด เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์การเกษตร และ


ทรัพยากรชายฝั่ง


"พื้นที่บริเวณหมู่เกาะช้างถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะพิเศษกว่าชายหาดทั่วไป เพราะมีลักษณะเป็นป่าดิบหรือเรน ฟอร์เรส ผสมผสานกับชายหาดและทะเล ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่สามารถพัฒนาขึ้นมารองรับตลาดนักท่องเที่ยวระดับบนได้" แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว


พูดถึงเกาะช้าง ขาดไม่ได้ที่ต้องถาม"พรชัย เขมะพรรค์พงษ์" กรรมการผู้จัดการ อัยยะปุระ รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะช้าง เลยได้เบาะแสว่า เวลานี้นอกจากกลุ่มเอวาซอนได้เข้ามาซื้อที่ดินบน


เกาะกูดจำนวน 800 ไร่ สำหรับก่อสร้างโรงแรมระดับ 5-6 ดาว มีลานจอดเครื่องบินส่วนตัว


ขนาด 12-16 ที่นั่งแล้ว กลุ่มซีพีที่จับมือกับบันยันทีสร้างโรงแรม 5 ดาวที่เกาะทรายขาว


ล่าสุดกลุ่มทุนเกาหลีได้มีการซื้อที่ดินที่เกาะหวายจำนวน 21 ไร่และที่ดินครอบครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิอีกประมาณ 20 ไร่ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะที่สลักเพชร ซีฟู้ดได้เสนอแผนไปที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ในการขอสัมปทานทำมารีน่า บริเวณอ่าวสลักเพชร มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท


ส่วนกลุ่มเซ็นทรัลนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจเท่านั้น ยังไม่ได้มีการซื้อที่ดินแต่อย่างไร สำหรับกลุ่มทุนอื่นๆ แม้จะมีการมาเซอร์เวย์พื้นที่แล้ว แต่ขณะนี้ยังรอดูสถานการณ์ในเรื่องของราคาน้ำมันประกอบกับราคาที่ดินได้มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ ที่ดินบริเวณหาดทรายขาวราคาสูงถึง 10 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนบริเวณทั่วไปนั้นราคาไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านบาทต่อไร่


ใครรักเกาะ ชอบเกาะ น่ารีบไปเที่ยวเสียโดยเร็ว เป็นเกาะสวรรค์เมื่อไหร่ รับรองหมดสิทธิ์

Thannews - June 23-25, 05
 
See less See more
#104 ·
เข็มทิศ..ท่องเที่ยวตราดปี′59 บุกตลาดคุณภาพระดับบน อัพรายได้แตะ14,000ล้าน

updated: 08 ก.ย. 2558 เวลา 10:01:07 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงในหลายพื้นที่ แต่การท่องเที่ยวของจังหวัดตราดยังคงสวนกระแสเติบโตได้ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด ปี 2556 มีนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน 1,685,537 คน มีรายได้ 12,607 ล้านบาท ปี 2557 มีนักท่องเที่ยว 1,742,621 คน มีรายได้ 13,163 ล้านบาท และ ททท.ตั้งเป้าปี 2559 นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 มีรายได้ 14,000 ล้านบาท

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดสัมมนา "เข็มทิศ...ท่องเที่ยวตราด" เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูล สถานการณ์ท่องเที่ยว นโยบายและแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวปี 2559 และการเตรียมความพร้อมของสนามบินตราด
"วรรณา สุขสมบูรณ์" ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราดกล่าวว่า ปี 2559 ตั้งเป้ารายได้ค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเพิ่ม 14,000 ล้านบาท จากการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง เพราะตราดเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นอันดับ 9 และมีแผนที่จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจังหวัดตราดสู่ประเทศอาเซียนมากขึ้น โดยทางเรือมีจุดเชื่อมจากเกาะเจ้าในกัมพูชามายังเกาะกูด เกาะหมาก เกาะช้าง และเพิ่มเส้นทางการท่องเที่ยวเรือยอชต์มาจากภาคตะวันออก ชูเส้นการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนเกาะหมาก เกาะกูด เกาะช้าง

ส่วนนักท่องเที่ยวคนไทย เน้นกลุ่มที่มีศักยภาพ 4 กลุ่ม คือ 1.ผู้สูงวัย 2.กลุ่มผู้หญิง3.กลุ่มเจนวาย (Generation Y) และ 4.กลุ่มคู่รักที่ไม่มีบุตร ทั้งนี้บริษัทบางกอกแอร์เวย์เตรียมเปิดเส้นทางการบินเชื่อมโยงตราดกับภาคเหนือ ภาคอีสานเพิ่มขึ้น ซึ่งจังหวัดตราดมีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงลึกเพื่อมาซ้ำ ภายใต้แนวคิด ตราด 9 แห่งต้องห้าม...พลาด

"จรัญ ชื่นในธรรม" ผู้อำนวยการกลุ่มฐานข้อมูลการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จังหวัดตราดมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีรายได้สูงโดยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพระดับกลางและระดับบนซึ่งข้อมูลปี2557 มีกลุ่มนักนักท่องเที่ยว ระดับกลาง 53% ระดับบน 11% ระดับล่าง 35% ในจำนวนนี้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกระจายตัวมาท่องเที่ยวจังหวัดตราดเพิ่มขึ้นจากปี 2556 เป็นอันดับ 2 ถึง 42.0% รองจากกรุงเทพฯ 60.16% โดยมาจากประเทศจีน รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา สวีเดน เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเดินทางมาพักเฉพาะที่จังหวัดตราดแห่งเดียวถึง 23.45%

ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเริ่มที่จะเดินทางโดยสายการบินโลว์คอสต์มากขึ้น หรือเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น เป็นการเดินทางต่อเนื่องในจังหวัดภาคตะวันออกและพักอยู่ในจังหวัดตราดนานวันขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกวางแผนการตลาด ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีการเติบโตสูง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 3-4 วัน หากดึงนักท่องเที่ยวระดับกลางกับระดับบนรวมกันได้จะสูงถึง 64%จัดกิจกรรมให้วันพักยาวขึ้น รายได้จะเพิ่มขึ้นเพราะอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยจังหวัดตราดอยู่ที่ 5,000 บาท/คน/ทริปสูงกว่าเฉลี่ยระดับประเทศ 4,000 บาท/คน/ทริป ซึ่งระดับกลางมีการช็อปปิ้งถึง 75% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,890 ล้านบาทระดับบน 9% หรือ 512 ล้านบาท

สำหรับระดับล่าง ใช้จ่ายเพียง 15% หรือ 779 ล้านบาท ที่สำคัญนักท่องเที่ยว93% มาเที่ยวทะเล จังหวัดตราดได้เปรียบที่ทะเลยังสมบูรณ์มาก ๆ เห็นได้จากกิจกรรมดำน้ำ สร้างรายได้ให้มากเป็นอันดับ 3 หรือ 5,784 บาท/คน/ทริปในช่วงกรีนซีซั่นถ้ามีกิจกรรมแข่งขันกีฬาเข้ามาช่วยอาจจะพักบนฝั่งบ้างส่วนจุดอ่อนที่พบปัญหาระบบการขนส่งมวลชนสุขอนามัยความสะอาด และการพัฒนาบุคลากรด้านภาษา หน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน

ขณะที่ "ปวิน ชินพฤธิวงศ์" ผู้จัดการสนามบินตราด บมจ.การบินกรุงเทพ เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์บอกว่า นักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มไฮเอนด์ของจังหวัดตราดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงดูจากจำนวนเที่ยวบินในปี 2558 (มกราคม-กรกฎาคม) มีจำนวน 30 เที่ยวบินเพิ่มขึ้น3 เท่าใน 4 ปี ส่วนเครื่องบินเช่าเหมาลำA 320 ที่แวะมาส่งนักท่องเที่ยวเพื่อไปพักที่เกาะกูดและนักท่องเที่ยวต่างชาติเช็กผ่านไป-กลับจากสนามบินสุวรรณภูมิมาถึงสนามบินตราดเพิ่มขึ้นจากปี2557(เมษายน-ธันวาคม) 1,315 คน และปี 2558(มกราคม-กรกฎาคม) เพิ่มขึ้น 2,300 คน

ในอนาคต 3-4 ปี จะเสริมทางวิ่งให้หนาขึ้นและเพิ่มความยาวของทางวิ่งเพื่อให้เครื่องบินขนาด A 320 จอดพักได้เพราะปัจจุบันรับน้ำหนักได้เพียง 22.5 ตันตอนนี้มีคลังน้ำมันรองรับแล้ว ส่วนสายการบินภายในประเทศอยู่ในระหว่างศึกษาเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ตราด-อุดรธานี ตราด-เชียงใหม่

สำหรับสายการบินระหว่างประเทศ มีไฟลต์บินจากเสียมเรียบ-สุวรรณภูมิ แล้วเชื่อมโยงมาตราด ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดีย ดูไบ จีน สามารถเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิได้ และในปี 2559 เตรียมรับนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้ามาในช่วงกรีนซีซั่นประมาณ 20,000 คน

ที่สุดแล้ว การก้าวสู่เป้าหมาย และให้เกิดความมั่งคั่งยั่งยืน ขึ้นอยู่กับการร่วมมือกันแก้ไขจุดอ่อน และรักษาจุดแข็ง"TRAT...GREEN CITY และ LOW CARBONDESTINATION" นั่นเอง

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1441604997
 
#105 ·
กรมโยธาฯ เปิดเวทีรับฟังความเห็นรับเขตพัฒนา ศก.พิเศษตราด


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 กันยายน 2558 19:23 น.

นายพยัคฆพันธุ์ โพธิ์แก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนผังเมืองรวมคลองใหญ่ จังหวัดตราด ในการรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอคลองใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย เทศบาลตำบลหาดเล็ก เทศบาลตำบลคลองใหญ่ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองใหญ่ และองค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูด ร่วมกันจัดขึ้นที่หอประชุมโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม มีประชาชนในพื้นที่อำเภอคลองใหญ่กว่า 100 คน เข้าร่วมเวทีครั้งนี้
นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านพัฒนากฎหมายผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ในการวางและจัดทำผังเมืองรวมคลองใหญ่ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้พิจารณาแนวทางในการวางแผนพื้นที่สำหรับการพัฒนาในอนาคตอย่างระมัดระวังผลกระทบต่อชุมชนและทรัพยากรของประเทศ โดยให้ความสำคัญในการรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ผังเมืองรวมคลองใหญ่ จังหวัดตราด จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดระเบียบการตั้งถิ่นฐาน การประกอบกิจการ การใช้ประโยชน์จากที่ดินในอนาคต และการก่อสร้างอาคารให้มีความเหมาะสมกับข้อจำกัดของพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา และเวียดนาม เป็นการสร้างความพร้อมสำหรับเชื่อมโยงทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบบโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์ สนับสนุน-ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าชายแดน และการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มภูมิคุ้มกันของนายทุนที่มีอยู่ในชุมชนคลองใหญ่ได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามผังเมืองรวมคลองใหญ่นับเป็นผังแม่บทในการปรับปรุงวางผังในด้านคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค การบริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ให้มีศักยภาพเป็น “เมืองบริการการค้าระหว่างประเทศครบวงจร” สามารถเชื่อมโยงการพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี

http://www.thaiday.com/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000108458
 
#106 ·
ตราดเมืองหน้าด่าน การค้า-ท่องเที่ยว-ลงทุนเชื่อมอาเซียน
13 ตุลาคม 2558 เวลา 11:35 น.

ในอดีตต้องยอมรับว่าตราดอยู่ไกลสุดของประเทศ การเดินทางไปมาลำบาก ชายแดนก็ไม่สงบ ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมักเรียกจังหวัดในภาคตะวันออกเริ่มจากระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งตราดเหมือนอยู่แนวหลัง แต่สถานการณ์วันนี้ตราดกลายเป็นเหมือนกองหน้าถนนสู่การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน เชื่อมประเทศอาเซียนทำให้ต้องมีโค้ชที่ดี

สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน บรรยายพิเศษในหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของการเข้าสู่อาเซียนของเอสเอ็มอี” ที่โรงแรมบ้านปู รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.เมือง จ.ตราด เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันนี้ทุกประเทศเปลี่ยนไปมาก เพราะความเป็นอาเซียนที่ไม่สามารถจะปิดกั้นด้วยรั้วประเทศได้อีกต่อไป ซึ่งบทบาทของศุลกากรจะเริ่มหมดไป เพราะทุกประเทศจะเป็นเมืองที่ไม่มีภาษีระหว่างกัน การค้าขายกันจะไม่มีรั้วกั้นอีกแล้ว

เมื่อสมัยก่อนเศรษฐกิจของโลกเจริญอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่สถานการณ์ในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะการประชุมอาเซมครั้งล่าสุด บอกว่าเอเชียกำลังเจริญที่สุด และจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความเติบโตให้โลก หากจีนเศรษฐกิจไม่เติบโตโลกก็จะประสบปัญหาไปด้วย ซึ่งกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีน ก็คือ กลุ่มประเทศในอาเซียนที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 1 ใน 4 ของโลก แต่อาเซียนเองยังมุ่งค้าขายกับประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน หรือญี่ปุ่น เป็นหลัก และมีมูลค่าค้าขายภายใน 10 ประเทศอาเซียนไม่มากนัก จึงต้องหันมาค้าขายมากขึ้นเพื่อไม่ต้องพึ่งพาประเทศนอกอาเซียนมากนัก

“เราจะทำให้อาเซียนค้าขายได้มากขึ้น เป็นตลาดใหญ่ขึ้น ค้ากันแค่ 25% เพื่อทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ซึ่งตัวเลขนี้จะไม่เป็น 40% หากเอสเอ็มอีไม่มีค้าขาย ไม่เดินทางไปค้าขายระหว่างกัน และการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นรัฐบาลต้องการใช้พื้นที่ตั้งเป็นจุดได้เปรียบ จ.ตราด มีข้อดีในเรื่องการกระจายความร่ำรวย เป็นการรวยกระจาย ตราดน่าจะเป็นโมเดลที่ดีให้รัฐบาลนำไปเป็นต้นแบบ รวยไม่ต่างกัน รวยจน ไม่ห่างกันมากนัก หรือมีความเท่าเทียมกันสูง เราน่าจะใช้ความเกื้อหนุนระหว่างกัน สิ่งที่มีประโยชน์ อีกทั้งการตั้งยุทธศาสตร์เป็นกรีนซิตี้ ไม่เหมือนจังหวัดที่พัฒนาแล้วแต่มาทำลายคุณค่าของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่ จ.ตราด ได้คิดยังทันสมัย เพราะทั่วโลกพูดกันเรื่องนี้ การพัฒนาโลกวันนี้ทุกประเทศ”

เมื่อก่อนนี้ ไทยตั้ง กรอ.ในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อสนับสนุนในเรื่องการผลักดันให้เข้ามาลงทุนในประเทศ แต่วันนี้แนวคิดในเรื่องนี้ต้องปรับไปสนับสนุนในเรื่องการหาตลาด การสนับสนุนในเรื่องข้อมูลด้านการตลาดและเรื่องทุนเพราะเอสเอ็มอีมีประสบการณ์ สินค้าน้อย

ดังนั้น ไทยจึงหนุน กรอ.ต้องปรับทิศทางใหม่ คือ มีกองทุนพิเศษ ดอกเบี้ยต่ำ ให้ออกไปที่ต่างประเทศ และไม่ให้ไปคนเดียวไม่ได้จะใช้เงินทุนตัวเองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเงินทุนในการศึกษา และทำตลาด ซึ่งพาณิชย์จังหวัด ธนาคารต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ให้ประเทศญี่ปุ่นตั้งเจโทรขึ้นมาเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้

http://www.posttoday.com/biz/aec/393480
 
#107 ·
ร่างผังเมืองรวมเขตศก.ตราด ไม่เอาอุตสาหกรรมหนักชู ‘ท่องเที่ยว-โลจิสติกส์’
อังคาร ที่ 13 ตุลาคม 2558

ร่างผังเมืองรวมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราดครอบคลุมพื้นที่ 50.2 ตารางกิโลเมตร ของอำเภอคลองใหญ่ ประกอบด้วย 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลไม้รูด ตำบลคลองใหญ่ และตำบลหาดเล็ก แม้จะผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ โดยท้องถิ่นไม่ต้องการอุตสาหกรรมหนักเข้าพื้นที่ แต่สนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ เนื่องจากจุดขายตราดเพิ่งเปิดใช้ท่าเรือคลองใหญ่ และมีชายหาดยาวสวยงามติดต่อกับประเทศกัมพูชา



ดังนั้นโดยหลักๆ จะส่งเสริมเป็นที่พักรีสอร์ต โรงแรม บริเวณชายทะเลที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น การพัฒนาแหล่งช็อปปิ้ง ศูนย์การค้า ดิวตี้ฟรี รูปแบบจะเน้นพื้นขนาดเล็กเหมือนต่างประเทศ ขนาดไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร แยกเป็นอาคารเดี่ยวเป็นหลังๆ เช่น อาคารขายยีนส์ อาคารขายเครื่องสำอาง เป็นต้นโดยไม่เน้นอาคารสูงอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งท้องถิ่นเองก็ยืนยันเช่นนั้น แม้ว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองจะเปิดให้สามารถพัฒนาได้มากเป็นพิเศษกว่าพื้นที่ปกติ แต่ชาวบ้านต้องการอยู่แบบเรียบง่าย เน้นพื้นที่สีเขียวมากกว่าการพัฒนา ล่าสุดจะขอประชุมท้องถิ่นว่า จะต้องแก้ไขปรับขนาดอาคารและกิจกรรมบางประเภทตามที่กำหนดไว้หรือไม่

ทั้งนี้ การใช้ประโยชน์ที่ดินของแต่ละย่านกำหนดไว้ ดังนี้ บริเวณชุมชนคลองใหญ่ กำหนดให้เป็นศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้าทางน้ำระดับนานาชาติ ศูนย์กลางการค้าและบริการขนส่งสินค้าทางเรือระดับประเทศกิจกรรมที่ควรส่งเสริม คือระบบขนส่งทางเรือระดับนานาชาติ ลานกองตู้คอนเทนเนอร์ (CY) และคลังสินค้า ย่านพาณิชยกรรม สถาบันการเงิน และการลงทุน การบริการท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต สถานพยาบาล บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาคารศูนย์กลางสินค้าเกษตร อาคารอยู่อาศัยรวม อาคารสูง (23 เมตรขึ้นไป) อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ กิจกรรมเกี่ยวกับเรือ

บริเวณชุมชนไม้รูด กำหนดให้เป็นคลังสินค้าและ CIQ หน่วยงานราชการ ศูนย์โลจิสติกส์ทางบกและกระจายสินค้า อุตสาหกรรมการบริการ การท่องเที่ยว แหล่งเจรจาการค้าและการลงทุนระดับนานาชาติกิจกรรมที่ควรส่งเสริมเขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ลาดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ อุตสาหกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษอาทิการเกษตร เครื่องนุ่งห่ม อาหาร การท่องเที่ยว CIQ และศูนย์ราชการแห่งใหม่ ศูนย์จัดแสดงสินค้า ศูนย์การประชุมระดับจังหวัด/นานาชาติ ที่อยู่อาศัยแห่งใหม่รองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต รองรับแหล่งงาน ย่านพาณิชยกรรม กิจกรรมบริการ ท่องเที่ยวโรงแรม รีสอร์ต สถานบันการเงินและการลงทุน สถานีขนส่งบริการระบบขนส่งมวลชนทันสมัย โรงพยาบาล อาคารศูนย์กลางสินค้าเกษตร อาคารอยู่อาศัยรวม อาทิ คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพัก อาคารสูง(23 เมตรขึ้นไป) อาคารขนาดใหญ่ (2,000 ตารางเมตรขึ้นไป) อาคารขนาดใหญ่พิเศษ (10,000 ตารางเมตรขึ้นไป) กิจกรรมเกี่ยวกับเรือ

บริเวณชุมชนบ้านหาดเล็ก ศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้าทางน้ำระดับจังหวัดและอนุภาคใกล้เคียง อุตสาหกรรมประมง แหล่งอาหารทะเล แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ชุมชนประมงพื้นบ้าน) กิจกรรมที่ควรส่งเสริมท่าเรือและการขนส่งทางเรือในระดับจังหวัดและภูมิภาค อุตสาหกรรมประมงและอาหารทะเลที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ รองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคตรองรับแหล่งงาน ย่านพาณิชยกรรม กิจกรรมบริการ ท่องเที่ยวโรงแรม รีสอร์ต บริการระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยสถานพยาบาล การบริการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อาคารอยู่อาศัยรวม อาทิ คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หอพัก ฯลฯ อาคารสูง (23 เมตรขึ้นไป) อาคารขนาดใหญ่ กิจกรรมเกี่ยวกับทางเรือ

“บริเวณจุดผ่านแดนบ้านหาดเล็ก”กำหนดให้เป็นประตูค้าชายแดน การท่องเที่ยว การค้าปลอดภาษี เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมไทย-กัมพูชา กิจกรรมที่ควรส่งเสริม ได้แก่ย่านพาณิชยกรรม ตลาดการค้าชายแดนกิจกรรมบริการท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ตสถาบันการเงินและการลงทุน บริการระบบขนส่งมวลชนทันสมัย สถานพยาบาล การบริการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ไทย-กัมพูชา อาคารอยู่อาศัยรวม อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ กิจกรรมเกี่ยวกับทางเรือ

ต้องยอมรับว่าท้องถิ่นที่นี่เข้มแข็งไม่ยอมรับการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ภาครัฐที่เคยเป็นฝ่ายควบคุมจะเปิดช่องให้ก็ตาม อย่างไรก็ดีคงต้องจับตาผลการประชุมประชาคมชาวบ้านว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆอุตสาหกรรมหนัก อาคารสูงอาคารใหญ่ยักษ์ คงเกิดได้ยากสำหรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด!!!

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3095 วันที่ 11 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

http://www.thansettakij.com/2015/10/13/13517
 
#108 ·
ตั้งศูนย์ท่องเที่ยวยั่งยืน "ตราด" เมืองโลว์คาร์บอนต้นแบบ

updated: 19 ม.ค. 2559 เวลา 09:15:55 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

อพท.ทิ้งทวนตั้งศูนย์ความเป็นเลิศการท่องเที่ยวยั่งยืนก่อนถอนตัวจากพื้นที่ ระบุตราดเป็นต้นแบบเมืองโลว์คาร์บอน เดสติเนชั่น ที่ประสบความสำเร็จ ดันแผนการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเรือยอชต์เชื่อมพัทยา-จันทบุรี-เกาะช้าง- กัมพูชา ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ พร้อมฝึกคนในพื้นที่แล่นเรือใบ มั่นใจชุมชนท้องถิ่นขยายผลต่อยอดได้

พันเอก ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ด้านการท่องเที่ยวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือท่องเที่ยวสีเขียว ในพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้าง และพื้นที่เชื่อมโยง (อพท.1) เป็นระยะเวลา 12 ปี โดยสามารถสร้างแบรนด์โลว์คาร์บอน เดสติเนชั่น ได้สำเร็จ และมีต้นแบบชุมชนที่มีผลงานการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนชัดเจน อพท.จึงเตรียมถอนตัวออกจากพื้นที่ และได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Excellence Center For Sustainable Tourism) เพื่อสร้างองค์ความรู้ ขยายผลการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดย อพท.ยังคงให้การสนับสนุนด้านวิชาการ งบประมาณการพัฒนาศูนย์ และโครงการที่อยู่ในกรอบแผนงานข้อตกลงระหว่าง อพท.กับรัฐบาล

"ก่อนจะถอนตัวได้เตรียมจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พัฒนาองค์ความรู้และต้นแบบ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาดูงาน ต่อไปหากหน่วยงานใดจะมาดูงานก็จะเป็นระบบมากขึ้น โดยศูนย์ความเป็นเลิศจะช่วยออกแบบให้ ซึ่งแต่ละชุมชนก็จะมีกิจกรรมโดดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกปะการัง ทำปะการังเทียม ดำน้ำ การกำจัดขยะ โซลาร์เซลล์ ก็สามารถจะเลือกกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย"

พันเอก ดร.นาฬิกอติภัคกล่าวอีกว่าในปี 2558-2560 ได้มอบให้สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ถอดบทเรียนของพื้นที่ต้นแบบ สร้างเป็นองค์ความรู้ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ในระยะแรกตั้งไว้ 3 กลุ่ม คือ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และภาครัฐ ที่จะมาเรียนรู้เพื่อขยายผลต่อไป ขณะที่ อพท.จะเปลี่ยนบทบาทไป โดยไม่ได้เข้าไปผลักดันการทำงานในพื้นที่ แต่ให้พื้นที่ยืนด้วยตัวเอง โดยปี 2558-2559 ได้สนับสนุนงบประมาณโครงการศูนย์ความเป็นเลิศ 11.5 ล้านบาท และงบฯกิจกรรมโลว์คาร์บอน 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามต่อจากนี้ไป อพท.ยังสนับสนุนงบประมาณอยู่ แต่ต้องให้สอดคล้องกับกรอบแผนงานข้อตกลงที่ อพท.ทำไว้กับรัฐบาล อาทิ แผนการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเรือยอชต์ที่เชื่อมโยงจากพัทยา มาจันทบุรี เกาะช้าง หรือเชื่อมกับกัมพูชาเพื่อดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมทั้งการฝึกคนในพื้นที่แล่นเรือใบ เป็นต้น

ด้านนายธนันธน์ อภิวันทนาพร ผอ.ฝ่ายอำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศและการตลาด สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวถึงช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เก็บข้อมูลต้นแบบเพื่อมาจัดทำโมเดลการบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้เกิดความสมดุลทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อจัดกลุ่มองค์ความรู้ ออกแบบแบรนด์โลว์คาร์บอนให้เหมาะกับแต่ละกลุ่ม และมีการทดสอบนำร่องในพื้นที่แต่ละชุมชน 4-5 ครั้ง โดยกลุ่มเป้าหมายแรกที่จะทำท่องเที่ยวภาคธุรกิจ คือ กลุ่มซีเอสอาร์ (CSR) ขององค์กรภาคเอกชนที่สนใจทำกิจกรรมลักษณะนี้อยู่แล้ว โดยปี 2559 เริ่มประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับคุณภาพก่อน

นายจักรพรรดิ ตะเวทิกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด กล่าวว่า อพท.ได้เข้ามาสนับสนุนนโยบายโลว์คาร์บอน เดสติเนชั่น ตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเห็นด้วยในแนวทางจึงให้ความร่วมมือทำปฏิญญาร่วมกันที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวในแนวทางเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเริ่มตั้งแต่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การกำจัดขยะ กำจัดน้ำเสีย การรักษาวิถีชีวิต การทำสวนผักอินทรีย์ โดยมี อพท.สนับสนุนงบประมาณทำศูนย์กำจัดขยะครบวงจร ทำให้เกาะหมากโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป สแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพให้ความสนใจมาก จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ อพท.จะถอนตัวออกไป อย่างไรก็ตามการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศก็จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนมากขึ้น


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1453095064
 
#109 ·
รมช.กระทรวงคมนาคม ติดตามความคืบหน้าโครงการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ และขยายถนนสุขุมวิท (คลองใหญ่ – หาดเล็ก) จ.ตราด รองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
วันที่ข่าว : 18 มีนาคม 2559
วันนี้ (18 มี.ค. 59) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางติดตามผลการดำเนินงานก่อสร้าง สองโครงการเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ซึ่งประกอบด้วย โครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สุขุมวิท (คลองใหญ่ – หาดเล็ก) ระยะที่ 2 ที่กรมทางหลวง โดยผู้รับเหมาก่อสร้างกำลังดำเนินการ รวมทั้งการตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ที่กรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพดำเนินการ ซึ่งดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ติดตามโครงการในครั้งนี้ พบว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 รวมทั้งโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ซึ่งได้ครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการแล้วแต่ผู้รับเหมาได้ขอขยายเวลา 150 วัน เนื่องจากอุปสรรคในเรื่องของการส่งมอบพื้นที่ของภาครัฐ นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณคลังสินค้าของท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ มีความคับแคบ ที่รถบรรทุกสินค้ายากที่จะกลับรถ ซึ่งยังคงต้องหาทางแก้ไขต่อไป ทั้งนี้บริเวณทางเข้าสู่ท่าเทียบเรือซึ่งจะต้องมีการขยายเส้นทาง โดยบางส่วนอาจจะต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกาเวียนที่ดิน หากภาครัฐยังไม่สามารถตกลงในเรื่องราคาของที่ดินกับประชาชน 4 – 5 ราย ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ซึ่งอาจทำให้โครงการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ เกิดความล่าช้าในการเปิดใช้บริการออกไปอีก อย่างไรก็ตามหากโครงการพัฒนาด้านคมนาคมในพื้นที่อำเภอคลองใหญ่ดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดตราด โดยเฉพาะการรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

http://nwnt.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNECO5903180010025
http://www.klongyai.com/default.asp?content=contentdetail&id=19786
 
#110 · (Edited)
เร่งขยายท่าเรือคลองใหญ่ พร้อมรับเขตศก.พิเศษ
22 มีนาคม 2559 เวลา 15:54 น.


โดย...จักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์

จ.ตราดเป็นเมืองชายทะเล มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา มีการค้าขายและการท่องเที่ยวระหว่างกันมานาน มีการขนส่งทางทะเลไปยัง จังหวัดเกาะกง สีหนุวิลล์ และกัมปอต ที่จะส่งไปยังประเทศเวียดนามอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นจุดเด่นของเขตเศรษฐกิจพิเศษของ จ.ตราด จึงจะเป็นศูนย์การสนับสนุนและบริการการนำเข้า-ส่งออก ศูนย์กระจายสินค้าไทยเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน และด้านการท่องเที่ยว

เพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตราด กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการโครงการเร่งด่วนประกอบด้วย ขยายถนน 4 เลน เส้นทางถนนสุขุมวิท ช่วง ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ ไปจนถึงด่านชายแดนเกาะกงเป็น 4 เลน เชื่อมต่อกับถนนสาย R-10 ในฝั่งกัมพูชา และโครงการขยายท่าเทียบเรือคลองใหญ่ จากปัจจุบันที่รองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ให้มีขนาดการขนส่งทางน้ำได้มากกว่า 500 ตันกรอส เป็น 2,000 ตันกรอส รองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่

ล่าสุดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เดินทางติดตามผลการดำเนินงานก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ซึ่งกรมเจ้าท่าดำเนินการ และขยายถนนสุขุมวิท ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง เพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด

รมช.คมนาคม กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ติดตามโครงการในครั้งนี้พบว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 รวมทั้งโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ซึ่งได้ครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการแล้วแต่ผู้รับเหมาได้ขอขยายเวลา 180 วัน เนื่องจากอุปสรรค์ในเรื่องของการส่งมอบพื้นที่ของภาครัฐ นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณคลังสินค้าของท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ มีความคับแคบ ที่รถบรรทุกสินค้ายากที่จะกลับรถ ซึ่งยังคงต้องหาทางแก้ไขต่อไป

แม้ท่าเทียบเรือใกล้จะแล้วเสร็จ แต่จุดที่ยังมีปัญหาคือ เส้นทางการเข้าออกท่าเทียบเรือ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการขยายเส้นทาง แต่ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการตกลงราคากับเอกชนเจ้าของที่ดิน 4-5 ราย

“บางส่วนอาจจะต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกาเวียนที่ดิน หากภาครัฐยังไม่สามารถตกลงในเรื่องราคาของที่ดินกับประชาชน 4-5 ราย ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ซึ่งอาจทำให้โครงการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ เกิดความล่าช้าในการเปิดใช้บริการออกไปอีก” รมช.คมนาคม กล่าว

อย่างไรก็ตาม รมช.คมนาคมยืนยันว่า หากโครงการพัฒนาด้านคมนาคมในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจของ จ.ตราด โดยเฉพาะการรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
http://www.posttoday.com/aec/trade/422847
 
#112 ·
สิ้นปีเปิดใช้ท่าเรือ "คลองใหญ่" เจ้าท่าเร่งจัดหาเอกชนบริหาร

updated: 18 ต.ค. 2559 เวลา 09:45:56 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เจ้าท่าเร่งจัดหาผู้บริหารท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ตราด เล็งเปิดใช้ทันภายในสิ้นปีนี้ หลังก่อสร้างสะดุดใช้เวลาดำเนินงานนานถึง 5 ปี ชี้ศักยภาพสูงเป็นท่าเรือชายฝั่งเชื่อมไทย-กัมพูชา-เวียดนาม เผยมีผู้สนใจลงทุน 2-3 ราย

นาวาตรีสมนึก สุขวณิช ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากกรมเจ้าท่าใช้งบประมาณ 1,295 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด ขนาด 500 ตันกรอสเสร็จสิ้นแล้ว และ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ยูนิค ดำเนินการก่อสร้างส่งมอบให้กรมเจ้าท่าเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2559 นั้น ตามระเบียบใหม่กรมเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินการจัดหาผู้บริหารท่าเรือก่อนส่งกรมธนารักษ์

ทั้งนี้กรมเจ้าท่าได้เปิดรับฟังความคิดเห็นการพิจารณาเงื่อนไขรายละเอียดจากองค์กรภาคเอกชนท้องถิ่นเพื่อจัดทำประกาศกรมเจ้าท่า เชิญชวนผู้สนใจยื่นข้อเสนอเป็นผู้บริหารท่าเทียบเรือ ภายในวันที่ 26 ตุลาคม 2559 และคาดว่าหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน จะได้ผู้บริหารท่าเทียบเรือและเปิดทำการภายในเดือนธันวาคม 2559

อย่างไรก็ตาม ท่าเทียบเรือหลายแห่งที่ก่อสร้างเสร็จถูกปล่อยทิ้งไม่มีผู้บริหารจัดการ ซึ่งระเบียบเดิมต้องขึ้นทะเบียนส่งมอบกรมธนารักษ์ไปจัดหาผู้บริหารท่าเรือ ที่ผ่านมาค่าเช่าค่าธรรมเนียมสูงและสงวนสิทธิ์การบริหารท่าเรือระยะสั้น ผู้บริหารส่วนใหญ่จึงขาดทุนต้องคืนกรมธนารักษ์ และส่งคืนกรมเจ้าท่า ล่าสุดคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการท่าเรือในประเทศไทย มอบให้กรมเจ้าท่าดำเนินการจัดหาผู้บริหารท่าเรือ จัดทำร่าง TOR (Terms of Reference) ข้อกำหนดรายละเอียดสำหรับคัดเลือกผู้บริหารท่าเทียบเรือ

"ผู้บริหารท่าเทียบเรือต้องมีประสบการณ์ สามารถเชื่อมโยงธุรกิจ จัดหาสินค้าผ่านท่าได้ ต้องแข่งขันกับท่าเรือขนถ่ายสินค้าในพื้นที่ เพิ่มปริมาณการขนถ่ายสินค้า หาแหล่งสินค้าใหม่ ๆ ไม่ใช่การแชร์ส่วนแบ่งการตลาดจากภาคเอกชน ขณะนี้มีผู้สนใจ 2-3 ราย ทั้งภาคเอกชน อบต. สหกรณ์ ปลายเดือนตุลาคมนี้คาดว่าจะได้ผู้บริหารท่าเทียบเรือแน่นอน เพราะศักยภาพอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และยังเป็นท่าเรือนำร่องเริ่มแรกของโครงการที่ส่งเสริมให้มีการเดินเรือชายฝั่งเชื่อมโยงกันมากขึ้นตามข้อตกลงของรัฐบาล3ประเทศคือ ไทย กัมพูชา เวียดนาม" นาวาตรีสมนึกกล่าว


ใกล้เปิดใช้ - การก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราดเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเอกชนได้ส่งมอบให้กรมเจ้าท่าเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2559 รวมระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี

ด้านนายอุทัย ตันชัย ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า ผู้ที่จะบริหารท่าเทียบเรือน่าจะเป็นมืออาชีพที่มีความรู้และประสบการณ์ สามารถหาลูกค้าใหม่ ๆ ได้ ไม่ควรเป็นท้องถิ่นเข้ามาดำเนินการเพราะขาดประสบการณ์ ยกเว้นเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชน

ส่วนเงื่อนไขระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 10 ปี น่าจะขยายออกไป 10-15 ปี เพราะคาดว่าจะมีการลงทุนด้านเครื่องมือขนย้ายสินค้า เนื่องจากลักษณะลานสินค้ายังเป็นแบบเทกอง ทั้งนี้ท่าเทียบเรือดังกล่าวสามารถรองรับเรือขนาด 800 ตันกรอสได้ แต่ติดขัดในเรื่องของการทำประกันภัย ซึ่งบริษัทเอกชนไม่รับทำประกันเพราะยึดตามขนาดที่ระบุไว้เป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่จ.ตราดใช้งบประมาณ 1,295 ล้านบาท กิจการร่วมค้าไอทีดี-ยูนิค ลงนามสัญญาจ้าง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 กำหนดแล้วเสร็จ 17 มกราคม 2557 แต่มีปัญหาอุปสรรคทั้งคลื่นลมแรง ฝนตกหนัก ขนย้ายเครื่องมือหนักไม่ได้ ทำให้การก่อสร้างล่าช้า และต้องขยายสัญญา เพราะพื้นที่ 1.2 ไร่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจึงต้องหยุดดำเนินการก่อสร้างไปกว่า 1 ปีเศษ เพื่อรอคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้ประโยชน์ได้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 กระทั่งมีการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยส่งมอบให้กรมเจ้าท่าในวันที่ 24 กันยายน 2559 รวมระยะเวลา 5 ปี

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1476682518

 
#113 ·
หยิบชิ้นปลามัน! บ.พร็อพเพอร์ตี้คว้าสัมปทานพัฒนาศก.พิเศษตราด 895 ไร่

updated: 21 ต.ค. 2559 เวลา 17:20:35 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

หยิบชิ้นปลามัน! บ.พร็อพเพอร์ตี้คว้าสัมปทานพัฒนาศก.พิเศษตราด 895 ไร่ 50 ปี เล็งลงทุนบูมท่องเที่ยวชายทะเล 3 พันล้าน

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 3/2559 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบผลการคัดเลือกของคณะทำงานสรรหา คัดเลือกและเจรจาผู้ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่ให้บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาที่ราชพัสดุ เนื้อที่ประมาณ 895-0-44 ไร่ ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด ตามที่กรมธนารักษ์เสนอ และให้กรมธนารักษ์พิจารณาจัดให้บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฯ เช่าที่ราชพัสดุดังกล่าวตามกฎ ระเบียบและขั้นตอนของทางราชการต่อไป สำหรับระยะเวลาสัญญา คือ 50 ปี โดยจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมตลอดอายุสัญญา และค่าเช่ารายปี 26,000 บาทต่อไร่ต่อปี

โดยบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เสนอแนวทางการพัฒนาโครงการจะเน้นการท่องเที่ยว สินค้าเกษตรและเปิดประตูสู่เกาะแก่งต่าง ๆ ทางภาคตะวันออก เช่น ตราด จันทบุรี ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่ยังไม่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถึง ซึ่งในอนาคตจะใช้ยุทธศาสตร์นี้เป็นตัวชูโรง ในการเปิดการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ในพื้นที่จะเปิดเป็นอาคารแหล่งท่องเที่ยวและโรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ ซึ่งจะนำมาซึ่งธุรกิจสัมมนา การแสดงสินค้ากลางแจ้ง ตลาดชายแดน และตลาด OTOP ตลาดผักและผลไม้ สวนสนุก และเขตอุตสาหกรรมการเกษตร และมีศูนย์ราชการซึ่งจะเป็นศูนย์ราชการเพื่ออำนวยความสะดวก คิดเป็นตัวเลขการลงทุนที่บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ระบุ คือ 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมมากเมื่อได้รับการอนุมัติครั้งนี้แล้วก็พร้อมที่จะพัฒนาโครงการได้เลย ระยะเวลาพัฒนาโครงการ 3-5 ปี

ทั้งนี้บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฯ มองเห็นศักยภาพของพื้นที่ซึ่งใกล้กับชายทะเล และมีลักษณะเหมาะสมกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล คอมแพล็ก และการเปิดสินค้าเกษตรกลางแจ้งและในร่ม นอกจากนี้บริษัท ฯ จะนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเพื่ออาศัยและท่องเที่ยวตามเกาะแก่งและเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านลักษณะไปกลับในโครงการ และในพื้นที่ Golden Gat Way ไม่ได้มองเฉพาะเกาะแก่งต่าง ๆ กว่า 52 แห่ง ซึ่งเป็น Unseen ยังมองถึงการไปกลับยังประเทศเพื่อบ้านอีกด้วย นอกจากนี้การพัฒนาบริษัท ฯ แล้วยังสามารถให้เช่าต่อพื้นที่ได้

ขณะเดียวกันบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ได้ขอขยายระยะเวลาการให้สิทธิพิเศษทางภาษีนิติบุคคลเป็น 20 ปี จากเดิม 10 ปี อย่างไรก็ตาม กนพ.เห็นว่าสิทธิประโยชน์เดิมมีความเหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ดีได้ให้สิทธิประโยชน์เรื่องพื้นที่การขายสินค้าปลอดภาษี (Tax Free zone) แทน

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1477045293
 
#114 ·
PFคว้าสิทธิ์พัฒนาเขตศก.ตราด

Thursday, November 24, 2016

ธนารักษ์ประเดิมเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.ตราด แปลงแรก จับมือ PF เซ็นสัญญาเช่า 50 ปี ค่าเช่า 2 พันล้านบาท พร้อมเดินเครื่องหาเอกชนลงทุนอีก 4 แปลงที่เหลือ

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.ตราด กับบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการพัฒนาพื้นที่ระยะเวลา 50 ปี โดยมีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุน 3,000 ล้านบาท และค่าเช่าที่ราชพัสดุ 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทพร้อมลงทุนปีหน้ารวมใช้เวลาลงทุน 6 ปี ตั้งแต่ 2560-2565

สำหรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด จะถูกพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการพัฒนาพื้นที่จะมีทั้งโซนสีเขียว เป็นพื้นที่ธรรมชาติสวนสาธารณะ โซนพาณิชยกรรม ประกอบด้วย โรงพยาบาล ศูนย์การแสดงสินค้าท้องถิ่นและนานาชาติ ตลาดนัดชุมชนและตลาดชายแดน ศูนย์สินค้าโอท็อป และโซนอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นเขตอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร

"หลังจากนี้กรมธนารักษ์จะเร่งประมูลหาเอกชนลงทุนพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่เหลืออีก 4 แปลง คือ สงขลา หนองคาย มุกดาหาร และ อ.แม่สอด จ.ตาก ให้ได้ในเดือน ม.ค.2560” นายจักรกฤศฏิ์กล่าว

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า หลังเสนอมาสเตอร์แพลนการพัฒนาพื้นที่ให้กรมพิจารณาแล้ว คาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่า และใช้เวลาคืนทุน 6 ปี โดยจะมีผู้ร่วมลงทุนเป็นต่างชาติ นอกจากนี้ เตรียมประสานสนามบินจังหวัดตราด เพื่อพัฒนาให้เป็นสนามบินนานาชาติ มีกลุ่มบริษัทบางกอกแอร์เวย์เปิดให้บริการ รวมทั้งประสานท่าเรือคลองใหญ่ เพื่อพัฒนาส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ.

http://www.thaipost.net/?q=pfคว้าสิทธิ์พัฒนาเขตศกตราด
 
#115 ·
นทท.แห่เที่ยวหมู่เกาะรัง ท้องทะเลตราดคึกคัก ยอดจองยาวถึงปีใหม่
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 ธ.ค. 2559 12:12

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-เทศ แห่ดำน้ำ-ดูปะการัง ที่หมู่เกาะรัง จ.ตราด อย่างคึกคัก นอภ.เกาะช้าง สั่ง จนท.ทุกหน่วยให้อำนวยความสะดวก เผย ช่วงปีใหม่มียอดจองล่วงหน้าเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว...

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 59 นายเติมศักดิ์ เสริฐศรี สารวัตรกำนัน ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด เผยว่า ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.59 เห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่บริเวณสะพานเพื่อการท่องเที่ยว บ้านบางเบ้า หมู่ที่ 1 ต.เกาะช้างใต้ กันอย่างคึกคัก เพื่อไปลงเรือนำเที่ยว เดินทางต่อไปท่องเที่ยวดำน้ำ-ชมปะการังยังหมู่เกาะที่สำคัญต่างๆ ในท้องทะเลตราด โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 08.00 - 09.30 น. นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จะพากันมาเดินอยู่บนสะพานเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าของทางโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ที่เลือกซื้อแพ็กเกจในการไปดำน้ำชมปะการังตามหมู่เกาะต่างๆ ของท้องทะเลตราด อย่างเช่นที่หมู่เกาะรัง เกาะหวาย เกาะเหลายา เป็นต้น

นายฐิติพงศ์ ศรีบุญจิตร สมาชิก อบต.หมู่ 3 ต.เกาะช้างใต้ และเป็นผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นช่วงที่ท้องทะเลตราดสวยงามมาก และไม่มีคลื่น เห็นได้ว่าตามแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ-ชมปะการังของท้องทะเลตราดที่มีอยู่หลายแห่ง แต่ละวันจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวพากันลงเรือโดยสารเดินทางไปเพื่อที่จะดำน้ำ ชมปะการังที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 11.00 เป็นต้นไป ตามแหล่งดำน้ำจะคึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวจากพื้นที่ต่างๆ พาลูกค้านักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงยังแหล่งดำน้ำ ที่ได้รับความสนใจมากเวลานี้ก็คือ หมู่เกาะรัง เกาะหวาย เกาะเหลายา ซึ่งเป็นจุดที่มีปะการังหลายชนิด และระดับน้ำไม่ลึกมาก

ด้าน นายกำธร เวหน นายอำเภอเกาะช้าง จ.ตราด มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับทหาร ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัยฯ ร่วมกันออกอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย และให้การบริการแก่นักท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณท่าเรือเฟอร์รี่ จากข้อมูลพบว่า นับจากช่วงนี้ไปจนถึงปีใหม่จะมีนักท่องเที่ยวพากันมาท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนบนเกาะช้างเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บนพื้นที่เกาะช้างก็มีนักท่องเที่ยวได้มีการติดต่อจองที่พักล่วงหน้าจนเต็มแบบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว.

http://www.thairath.co.th/content/807951
https://regional.kachon.com/105006
 
#116 ·
เขตศก.พิเศษเฟสแรกอืดเอกชนชะลอลงทุน "เมียนมา-มาเลย์"แย่งซีนเปิดพื้นที่แข่งไทย

updated: 26 ธ.ค. 2559 เวลา 12:38:54 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เขตเศรษฐกิจพิเศษเฟสแรกอืด ติดปมเวนคืน-เพิกถอนพื้นที่ป่า เอกชนไม่เชื่อมั่นชะลอลงทุน "ตาก-สงขลา" อ่วม เจอทีเด็ด "เมียนมา-มาเลย์" ปั้นเขตเศรษฐกิจพิเศษประชิดชายแดนดูดนักลงทุน "สระแก้ว" โรงงานอุตฯไทย-เทศ ขยับปักหมุด "ตราด" ฉลุยได้ "เพอร์เฟค-บางกอกแอร์เวย์ส" ลุยทัพหน้า "มุกดาหาร" จ่อเปิดประมูลพัฒนารอบใหม่



กว่า 2 ปีที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเฟสแรก 5 จังหวัด 6 พื้นที่ ในจังหวัดชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และสงขลา แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการภาครัฐยังไม่คืบหน้ามากนัก ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติชะลอการตัดสินใจลงทุนเนื่องจากยังไม่มั่นใจ

เวนคืนแม่สอดยืดเยื้อลงทุนชะงัก

นายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การลงทุนในพื้นที่แม่สอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุน 117 ราย เข้ามาขอข้อมูลการลงทุน และได้รับส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้ว 7 ราย อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไทยและต่างประเทศยังคงลังเล เนื่องจากปัญหาการเพิกถอนที่ป่าสงวนแห่งชาติ และการเวนคืนที่ดินยังยืดเยื้อ

นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ปัจจุบันการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตากคืบหน้าเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการถนน 4 ช่องทางจราจร จากอำเภอเมือง-แม่สอด ระยะทาง 25 กม. ขณะนี้คืบหน้าไปมาก ส่วนการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 คืบหน้า 50-60% จะแล้วเสร็จปี 2560 ปัญหาและอุปสรรค คือ การเวนคืนที่ดินจากชาวบ้าน และการเพิกถอนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ให้เอกชนเช่า เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจ ประกอบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ นักเก็งกำไรที่ดินจึงเริ่มปล่อยที่ดินมากขึ้น

นายพงศ์ชัย ตันอรุณชัย รองเลขาธิการหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ขณะที่การผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษตากเป็นไปอย่างล่าช้า เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาของเมียนมาที่เพิ่งเปิดใหม่ สามารถดึงดูดต่างชาติเข้าไปลงทุนกว่า 84 รายแล้ว ด้วยศักยภาพที่เพียบพร้อมทั้งท่าเรือน้ำลึกซึ่งเหมาะกับการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีแรงงานเพียงพอ และสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าของไทย

ขอบีโอไอสระแก้ว 1.3 พัน ล.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว ข้อมูลจากบีโอไอเมื่อเดือน ส.ค. 2559 ระบุว่า มีผู้ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 4 ราย เงินลงทุน 1,362 ล้านบาท ได้แก่ ต.ผักขะ อ.วัฒนานคร มีธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ เงินลงทุน 35 ล้านบาท ต.บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก เงินลงทุน 728 ล้านบาท

ต. (ยังไม่ระบุ) อ.อรัญประเทศ ผลิตถุงร้อน/ถุงหิ้วร้อน ลงทุน 84 ล้านบาท ต.บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ ธุรกิจสัญชาติญี่ปุ่น ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทโฟม ฯลฯ ลงทุน 515 ล้านบาท โดย บจ.ชูบุซึ (ประเทศไทย) เป็นรายแรกที่สร้างสำนักงาน-โรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว

เร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนความคืบหน้าเรื่องหาใช้ที่ดิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรงบฯผูกพัน 3 ปี คาดว่าในปี 2560 จะได้รับงบฯ 160 ล้านบาท ก่อสร้างด่านศุลกากรแห่งใหม่บ้านป่าไร่ ส่วนพื้นที่ที่ให้การนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) เช่า 600 กว่าไร่ ได้ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินเรียบร้อยแล้ว หลังทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การก่อสร้างถนนแยก ทล.348 ถึงบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ อยู่ระหว่างดำเนินงาน การก่อสร้างทางหลวงเชื่อมจุดผ่านแดนที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท อยู่ระหว่างขอรับงบฯปี 2559 ศึกษาความเหมาะสม ฯลฯ

"สงขลา" ผุด 21 โครงการ

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา 1,069 ไร่ ล่าสุด ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานรวม 21 โครงการ งบประมาณ 5,466 ล้านบาท โดยสถานีขนส่ง ศูนย์กลางการบริการต่าง ๆ ใช้งบฯกว่า 500 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการปี 2560 แล้วเสร็จภายใน 3 ปี

ขณะที่แหล่งข่าวนักลงทุนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลาเป็นที่จับตาของนักลงทุนในมาเลเซีย แต่ที่ผ่านมายังขาดความมั่นใจ เนื่องจากไม่มีความก้าวหน้า อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลมาเลเซียได้เตรียมพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในรัฐปะลิส เยื้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลาด้วย

จ่อเปิดยื่นซองมุกดาหารรอบใหม่

สำหรับความคืบหน้าของเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหาร นายสมศักดิ์ สีบุญเรือง เลขาธิการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยกรมธนารักษ์เตรียมจะให้เอกชนยื่นซองประมูลอีกครั้งราวเดือน ม.ค. 2560 หลังไม่มีนักลงทุนรายใดยื่นซองประมูลเมื่อเดือน ส.ค. 2559 มองว่าในอนาคตโอกาสที่เอกชนจะเข้ามาลงทุนยังเป็น 50 : 50 เนื่องจากมุกดาหารมีเป้าหมายเน้นการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ระหว่างประเทศมากกว่า

การสร้างนิคมอุตสาหกรรม และนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องพิจารณาความพร้อมของพื้นที่อื่น ๆ เปรียบเทียบ ทั้งกัมพูชา สปป.ลาว รวมทั้งรอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในไทย

ทั้งนี้ จ.มุกดาหารเพิ่งได้รับอนุมัติงบฯปี 2560 ก่อสร้างถนนเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบด้วยการก่อสร้างถนน 4 เลน มุกดาหาร-ธาตุพนม เริ่มก่อสร้างปี 2560 ถนน 4 เลน จากกาฬสินธุ์-นาไคร้-มุกดาหาร เริ่มเวนคืนปี 2560 ก่อสร้างปี 2561 ส่วนรถไฟทางคู่อยู่ระหว่างการเวนคืนเช่นกัน

เอกชนเตรียมลุยตราด 895 ไร่

ด้าน ดร.ประธาน สุรกิจบวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเผยว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษตราดคืบหน้าไปมากหากเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ โดย บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้รับสิทธิเป็นผู้เช่าที่ดินที่ราชพัสดุ 895 ไร่ และมีแผนลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านบาท พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การบริหารจัดการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ และการพัฒนาร่วมกับบริษัทบางกอก

แอร์เวย์สขยายการท่องเที่ยว เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ไม่มีปัญหาเวนคืน และผังเมืองรวมคลองใหญ่ออกแบบรองรับการพัฒนาไว้แล้ว และภาครัฐสนับสนุนเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับ อาทิ ถนนสี่เลนเชื่อมจาก อ.เมืองตราดถึงหาดเล็ก จะแล้วเสร็จปี 2562 ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ 500 ตันกรอสที่สร้างเสร็จแล้ว การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า น้ำประปา ฯลฯ

ด้านนายอุทัย ตันชัย ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า ทันทีที่เอกชนที่จะเข้ามาลงทุนเริ่มก่อสร้างเฟสแรกจะทำให้บรรยากาศการลงทุนคึกคักขึ้น คาดว่า 3 ปีจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ปี 2562 ถนน 4 เลนตลอดสายสุขุมวิทถึงชายแดนบ้านหาดเล็ก 85 กม.จะแล้วเสร็จ ขนส่งสินค้าสะดวกขึ้น ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่จะมีการขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด บจ.โตโยต้า ประเทศไทย สนใจดูพื้นที่ตั้งโรงงานผลิตอะไหล่เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง ให้กำหนดพื้นที่การทำเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 จังหวัดคือ ต.อาจสามารถ จ.นครพนม และ อ.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ขอ BOI กว่า 7,000 ล้าน

หลังจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษได้ออกประกาศ เพื่อกำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) 5 พื้นที่ (อ.แม่สอด/แม่ระมาด จ.ตาก-อ.เมือง/หว้านใหญ่/ดอนตาล จ.มุกดาหาร-อ.อรัญประเทศ/วัฒนานคร จ.สระแก้ว-ปาดังเบซาร์/สะเดา จ.สงขลา-อ.คลองใหญ่ จ.ตราด) ในเดือนมกราคม 2558 จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม 2559

ปรากฏว่า มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเข้ามายังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งหมด 34 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 7,034 ล้านบาท เท่ากับขยายตัวขึ้น ทั้งจำนวนโครงการ +467% และ มูลค่า +2,394% (ดูตารางประกอบ)

แบ่งเป็นหมวดเคมีภัณฑ์-พลาสติก-กระดาษ 18 โครงการ เงินลงทุน 3,908 ล้านบาท เช่น กิจการบรรจุภัณฑ์พลาสติก กิจการผลิตเส้นใยพลาสติก หมวดเกษตรกรรม/ผลิตผลจากการเกษตร 6 โครงการ เงินลงทุน 1,375 ล้านบาท เช่น กิจการคัดคุณภาพข้าว กิจการผลิตอาหารสัตว์หมวดเหมืองแร่/เซรามิก/โลหะขั้นมูลฐาน 4 โครงการ เงินลงทุน 1,331 ล้านบาท ได้แก่ กิจการวัสดุก่อสร้างหมวดอุตสาหกรรมเบา 4 โครงการ เงินลงทุน 283 ล้านบาท เช่น กิจการผลิตเส้นด้ายพลาสติก และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ 1 โครงการ เงินลงทุน 20 ล้านบาท

โดยนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า การให้สิทธิประโยชน์ตามเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจะสิ้นสุดลงแล้วในเดือนธันวาคม 2560

ถือว่าที่ผ่านมา SEZ ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากยอดสถิติขอรับการส่งเสริมการลงทุน ใน 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งมีเงินลงทุนเข้ามาถึง 7,034 ล้านบาท ตามความพร้อมของแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในจังหวัดสระแก้วและแม่สอด

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1482730831
 
#117 ·
ท่าเทียบเรือคลองใหญ่วุ่น ผู้ประกอบการเมิน ขนส่งสินค้าไม่คุ้มค่าลงทุน

updated: 11 ม.ค. 2560 เวลา 11:45:14 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ท่าเทียบเรือคลองใหญ่มูลค่า 1,200 ล้านบาทส่อเหลว ผู้ประกอบการสับเละการใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าการลงทุน รองรับแค่เรือขนาด 500 ตันกรอส เดินเรือได้แค่เวียดนาม ชี้แหลมฉบังสะดวกกว่า เสนอปรับปรุงให้มาตรฐานเชื่อมเดินเรือถึงจีน หรือปรับเป็นเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยว

นายไพโรจน์ ปฐมวัฒน นักวิชาการพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันการค้าชายแดนทางเรือระหว่างประเทศยังมีปัญหา แม้ว่าท่าเทียบเรืออเนกประสงค์อำเภอคลองใหญ่จะสร้างเสร็จแล้ว ภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด หอการค้าจังหวัดตราด สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตราด สมาคมผู้ค้าชายแดนจังหวัดตราด พบว่า ท่าเทียบเรือไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็ก และรายใหญ่มองไม่เห็นประโยชน์ของท่าเทียบเรือ เนื่องจากขนาดของท่าเทียบเรือ 500 ตันกรอสเป็นเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็ก อีกทั้งการเดินเรือไปเวียดนามต้องผ่านชายฝั่งน่านน้ำกัมพูชา ซึ่งต้องทำความตกลงในคณะกรรมการเดินเรือ 3 ประเทศ (ไทย- กัมพูชา-เวียดนาม) และเรือบรรทุกขนาดใหญ่ขนส่งสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ไม่สะดวกมีต้นทุนสูง ใช้ท่าเทียบเรือแหลมฉบังและคลองเตยต้นทุนต่ำกว่า โดยปัญหาทั้งหมดนี้จะนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดน และการลงทุนกับเพื่อนบ้านพิจารณาต่อไป

ด้านนายจตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล กรรรมการหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า หลายคนมองว่าท่าเทียบเรือเหมาะจะเป็นการขนส่งจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เกาะกง แต่ปัจจุบันยังไม่มีผู้บริหารท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ และการใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือขนส่งสินค้ายังมีข้อจำกัดทั้งการขนส่งเรือขนาดเล็กและขนาดใหญ่ หากจะให้มีประโยชน์และคุ้มทุนต้องส่งสินค้าไปจีน ซึ่งต้องใช้เรือขนาดใหญ่ 4,000-5,000 กรอส แต่ท่าเทียบเรือออกแบบมารองรับเรือขนาด 500 ตันกรอสเท่านั้น ซึ่งจะขนส่งได้ 25-40 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักได้ประมาณ 3,000-12,000 ตัน เป็นการขนส่งชายฝั่ง เส้นทางผ่านมีเพียงกัมพูชาไปเวียดนามเท่านั้น ออกน่านน้ำสากลไม่ได้ และต้องเสียเวลาพักสินค้า 3-7 วันที่กัมพูชา

อย่างไรก็ตามมีผู้เสนอว่าควรจะใช้ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ลำเลียงสินค้าลงเรือไปขนถ่ายลงเรือสินค้าขนาดใหญ่ขนาด3,000-10,000ตันกรอสที่ลอยลำหลังเกาะกูดขนส่งไปเวียดนาม แต่ต้องเสียค่าขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือไปลงเรือตู้ละ 1,000-1,500 บาท เทียบราคาที่คลองเตยเพียงตู้ละ 200-300 บาท ดังนั้นการขนย้ายสินค้าเรือขนาดใหญ่ไปเวียดนาม (เกียนยาง) เส้นทางจากท่าเรือคลองเตย หรือแหลมฉบังสะดวกกว่า ไม่จำเป็นต้องผ่านจังหวัดตราดเพราะสินค้าไม่ได้ผลิตที่จังหวัดตราด ดังนั้นหากจะให้ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่มีประโยชน์ ควรได้ปรับปรุงให้ได้มาตรฐานและเชื่อมถึงจีนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะมีผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่เพิ่มมูลค่าและเป็นที่ต้องการของตลาดเวียดนามจีนหรือไม่

อีกทั้งข้อจำกัดของเรือขนาด2,000-5,000 ตันกรอส ที่แม้จะเข้ามาท่าเทียบเรือได้ แต่เทียบท่าไม่ได้เพราะหน้าท่าเทียบเรือยาว 120 เมตร กว้าง 60 เมตร และบริษัทประกันภัยจะไม่รับทำประกันภัยเรือขนาดเกิน 500 ตันกรอส นอกจากนี้ท่าเรือเป็นการขนส่งสินค้าเทกอง ไม่มีคอนเทนเนอร์ อีกทั้งสะพานที่ยาวกว่า 2 กิโลเมตร ทำให้การขนส่งไม่คุ้มทุน หากเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวจะมีความเหมาะสมกว่า แต่ปัญหาคือ ปริมาณนักท่องเที่ยวกับการบริหารจัดการ ค่าเช่า ค่าไฟฟ้าจะคุ้มทุนหรือไม่


ไม่คุ้ม - ท่าเทียบเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ดำเนินการสร้างด้วยงบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท ขณะที่ผู้ประกอบการต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประโยชน์ใช้สอยไม่คุ้มต่อการลงทุน อย่างไรก็ตามกรมเจ้าท่าเตรียมจัดหาเอกชนเข้ามาบริหารเร็ว ๆ นี้

นายรุ่งเดช บุษบงษ์ กรรมการ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตราดและผู้จัดการ บริษัท เพิ่มพูน มูลค่า จำกัด กล่าวว่า ทุกวันนี้ใช้เส้นทางการขนส่งแมงกะพรุนทางเรือใช้ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง-เวียดนาม (ไฮฟอง)-มาเลเซีย (นครกูชิง) หากจะส่งออกทางท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ต้องผ่านชายฝั่งกัมพูชาพักสินค้านานหลายวันสินค้าอาจจะเสียหาย รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนมาตรฐานค่าธรรมเนียม

นายวิมาน สิงหพันธุ์ กรรมการสมาคมผู้ค้าชายแดน จ.ตราด กล่าวว่ามีบริษัทขนส่งสินค้า ไทย-กัมพูชา-จีนทำการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน ลอยลำที่แม่น้ำบางปะกงและใช้เรือโป๊ะขนถ่ายมาใส่เรือใหญ่ สนใจต้องการย้ายมาขนส่งสินค้าที่ใช้ท่าเทียบเรือคลองใหญ่เพราะอยู่ใกล้กว่า โดยใช้เรือโป๊ะลำเลียงมาใส่เรือขนส่งขนาดใหญ่ที่ลอยลำที่น่านน้ำเกาะกูด จ.ตราด แต่ยังติดขัดเรื่องการสร้างโกดังสินค้าไม่ได้เนื่องจากเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และยังไม่ชัดเจนในเรื่อข้อกฎหมายการใช้น่านน้ำไทยขนส่งสินค้า

ด้านนายวัชรินทร์ศรีสุเทพนักวิชาการขนส่งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราด กล่าวว่า การขนส่งด้วยเรือ 500 ตันกรอสไปเวียดนามไม่น่าจะคุ้มทุน เพราะขนส่งได้เพียง 25-30 ตู้คอนเทรนเนอร์หรือน้ำหนัก 3,000-12,000 ตัน และการขนส่งสินค้าเทกองมีท่าเรือของเอกชนส่งอยู่แล้ว และใช้เรือขนาด 200-300 ตันกรอสเป็นการขนส่งชายฝั่งเช่นเดียวกัน อยู่ในทำเลที่ดีกว่าเปรียบเทียบกับท่าเรือเอกชน ส.กฤตรวัณ บ้านคลองสน อ.คลองใหญ่ เป็นท่าเรือที่กินน้ำลึกกว่า สามารถขนส่งสินค้าลงเรือจากท่าได้ไม่มีสะพาน ต้นทุนการขนย้ายต่ำกว่า ค่าไฟฟ้าต่ำกว่า เปรียบเทียบกับท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่น้ำตื้นกว่าจึงต้องสร้างสะพานยาวถึง 2 กิโลเมตร ทำให้ต้นทุนขนย้ายสูง ทั้งค่าเช่า ค่าไฟฟ้า

นาวาตรีสมนึก สุขวณิช ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการพาณิชยนาวี กรมเจ้าท่า กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมเจ้าท่าจัดทำร่างประกาศเชิญชวนผู้สนใจยื่นข้อเสนอเป็นผู้บริหารและประกอบการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ประกาศเพราะต้องรอให้เลขาฯสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ(กบส.)ที่นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณา คาดว่าน่าจะประกาศได้เร็ว ๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้ว่าจ้างกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ยูนิค (บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และ บมจ.ยูนิคอินจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น) ด้วยวงเงินค่าก่อสร้าง 1,295 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสะพานท่าเรืออเนกประสงค์ และท่องเที่ยว กว้าง 15.60 เมตร ยาว 2,058 เมตร ท่าเรือตรวจการณ์ ท่าเรือประมง งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นยาว 1,000 เมตร งานก่อสร้างอาคาร 1 ชั้น 29 หลัง ระบบสาธารณูปโภคภายในและนอกอาคาร ลานกองสินค้า ลานจอดรถ และถนนในโครงการ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1483937321
 
#118 ·
รองผู้ว่าฯ ตราด เผย ท่องเที่ยวตราด ปี 2559 ที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้กับจังหวัดตราดกว่า 20,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือน กว่า 2.3 ล้านคน

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
วันที่ข่าว : 12 กุมภาพันธ์ 2560
วันที่ (12 ก.พ. 60) นายประธาน สุรกิจบวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดตราด ว่า จากการข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดที่รวบรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่าจังหวัดตราด ซึ่งเป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ตามกโครงการรณรงค์การท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวรองของประเทศ พบว่าจังหวัดตราด มีอัตราการเจริญเติบโตของนักท่องเที่ยวมากที่สุด ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนจังหวัดตราดรวม 2.3 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 880,000 คน นักท่องเที่ยวชาวไทย 1.42 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2559 มีอัตราการเจริญเติบโตของนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือนตราด เพิ่มขึ้นร้อยละ 14
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้จาการท่องเที่ยวในปี 2559 ที่ผ่านมา จังหวัดตราด มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกัน กว่า 20,252 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 11,000 ล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 9,252 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2558 มีอัตราการเจริญเติบโตของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ทั้งนี้ เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยงของจังหวัดตราดยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ในการเดินทางเข้ามาเยือนทั้งเกาะต่างๆ ของหมู่เกาะช้าง แหล่งท่องเที่ยวชุมชน หาดทรายต่างๆ รวมทั้งหาดทรายดำแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือนเพิ่มขึ้น


http://nwnt.prd.go.th/CenterWeb/News/NewsDetail?NT01_NewsID=WNECO6002120010015
 
#119 ·
คลื่นลงทุนไหลพรึ่บ"เกาะกูด"ที่ดินพุ่งไร่ละ12ล้าน ท้องถิ่นรุมต้านธนารักษ์ประมูล"แหลมโตก"

updated: 17 มี.ค. 2560 เวลา 09:45:08 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เกาะกูด จังหวัดตราด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม จึงกลายเป็นเดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ และยังเป็นที่หมายตาของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมากระแสการลงทุนหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต

ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ได้ขายที่ดินไปแล้ว เพราะราคาสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะโซนติดทะเลที่มีเอกสารสิทธิพุ่งถึงไร่ละ 10-12 ล้านบาท แม้แต่ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิก็สูงถึงไร่ละ 1-4 ล้านบาท ปัจจุบันเกาะกูดมีโรงแรม รีสอร์ตประมาณ 75 แห่ง จำนวนกว่า 1,360 ห้อง

ทว่า ปัญหาของเกาะกูดวันนี้ก็คือ ความยืดเยื้อในการพิสูจน์สิทธิการถือครองที่ดินทำกินประมาณ 10,000 ไร่ ซึ่งชาวบ้านมีเอกสารสิทธิเพียง 10% เท่านั้น โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่แล้วเสร็จ และขณะนี้ยังส่งผลไปถึงชาวบ้านที่ประกอบธุรกิจรีสอร์ต โฮมสเตย์กว่า 50% ไม่สามารถยื่นจดทะเบียนได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ หรือสัญญาเช่า

สำหรับเกาะกูดมีพื้นที่ 65,625 ไร่ มติคณะรัฐมนตรีปี 2510 และปี 2513 ประกาศให้เป็นที่ราชพัสดุ 63,000 ไร่ และเป็นพื้นที่สงวนของกองทัพเรือ (นสล.) 10,720 ไร่เศษ ซึ่งการดำเนินการใด ๆ ของกรมธนารักษ์จะต้องให้กองทัพเรือเห็นชอบด้วย



ประมูลที่ราชพัสดุแหลมโตก 48 ไร่

ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้งัดที่ดินผืนงามบนเกาะกูดบริเวณ "แหลมโตก" หมู่ที่ 5 แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ตร. 455 จำนวน 48 ไร่เศษมาเปิดประมูลพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 14 แปลง ใน 12 จังหวัดที่นำมาเปิดประมูลหาผู้ลงทุนพร้อมกันทั่วประเทศ โดยกำหนดให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 25 เมษายน 2560

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เกิดกระแสการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่และกลุ่ม อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่กรมธนารักษ์ทวงพื้นที่แหลมโตกจากการครอบครองของกองทัพเรือ และขั้นตอนการรวบรัดให้เอกชนเช่า และระบุว่าแหลมโตกยังมีสภาพพื้นที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ไม่ถูกบุกรุกแต่อย่างใด

ผุดโครงการธนาเลย์บายเดอะซี

นายเกริกชัย พรหมดวง ธนารักษ์พื้นที่ตราดกล่าวว่า ที่ดินราชพัสดุ 48 ไร่เศษแปลงนี้อยู่ในผังแม่บทการพัฒนาเกาะกูดที่กรมธนารักษ์ศึกษาไว้ภายใต้โครงการ "ธนาเลย์ บาย เดอะ ซี" (Ta-nalay by the Sea) และยังเป็น 1 ใน 2 โครงการที่กรมธนารักษ์ได้มอบหมายให้ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดตราดเป็นผู้ดำเนินการตามประกาศจังหวัดตราด นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ลงนามเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 โดยได้ผ่านขั้นตอนการซื้อซองสิ้นสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 มีผู้ซื้อซอง 4 ราย เป็นนักลงทุนทั้งในและนอกพื้นที่ และผู้ซื้อซองได้ลงไปดูพื้นที่จริง 2 ราย

"ที่ดินที่นำมาประมูลเป็นแปลงว่าง ไม่มีราษฎรบุกรุก กรมธนารักษ์เห็นว่ามีศักยภาพเชิงพาณิชย์พัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวมีโรงแรม รีสอร์ต ผู้เช่าต้องวางแผนการใช้พื้นที่ โดยเสนอโครงการก่อสร้างอาคารให้คณะกรรมการที่จังหวัดแต่งตั้งพิจารณาในวันยื่นซอง 25 เมษายน 2560 คาดว่าต้องเป็นนักลงทุนกระเป๋าหนักเพราะมูลค่าการก่อสร้างที่เกาะสูงกว่าบนฝั่งมาก น่าจะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี" นายเกริกชัยกล่าว

ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่น่าห่วงเพราะมี พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มีเงื่อนไขความสูงอาคารไม่เกิน 12 เมตร ไม่ทำลายต้นไม้ขนาดใหญ่ เนื่องจากสภาพพื้นที่มีป่าไม้แนวกลางเนินประมาณ 20% ส่วนเรื่องการบำบัดน้ำเสียและขยะก็มี พ.ร.บ.สาธารณสุข และ อบต.ดูแล ดังนั้น ปัญหาที่จะทำลายสิ่งแวดล้อมจึงไม่น่าเป็นห่วง

นายเกริกชัยกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเอกสารสิทธินั้นคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดตราด (กบร.) อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข จากจำนวนที่ดินพิสูจน์สิทธิ 476 แปลง ปัจจุบันเหลือพิจารณา 225 แปลง คาดว่าภายใน 2 เดือนนี้กรมธนารักษ์จะหารือกับกองทัพเรือเพื่อแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนระหว่างพื้นที่ของกองทัพเรือใช้ประโยชน์และพื้นที่รอพิสูจน์สิทธิเพื่อคืนพื้นที่กรมธนารักษ์จัดให้ราษฎรเช่า


ประมูลแหลมโตก - สภาพพื้นที่ปัจจุบันบริเวณแหลมโตก หมู่ 5 เกาะกูด จังหวัดตราด ประมาณ 48 ไร่ ซึ่งกรมธนารักษ์กำลังเปิดประมูลหาผู้ลงทุนเชิงพาณิชย์พัฒนาเพื่อการท่องเที่ยว แต่ประชาชนและท้องถิ่นในพื้นที่ไม่เห็นด้วย

เปิดมาสเตอร์แพลนเกาะกูด

จากการสำรวจของ"ประชาชาติธุรกิจ"พบว่ากรมธนารักษ์เคยมีการจัดทำผังแม่บทการใช้ประโยชน์จากที่ราชพัสดุ (Master Plan) แปลงเกาะกูด จังหวัดตราด โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ตามนโยบายการพัฒนาของกรมธนารักษ์ โดยมอบให้บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด ร่วมกับบริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด ดำเนินการศึกษาและจัดทำผังแม่บทการใช้ประโยชน์พื้นที่เกาะกูดและผังพัฒนาพื้นที่เฉพาะเมื่อปี 2549 และกำหนดให้ดำเนินการภายในปี 2553

โดยมีโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะจำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเกาะกูด ซีฟร้อนท์ 2.โครงการชุมชนธนารักษ์พัฒนา 3.โครงการศูนย์กลางการบริการส่วนท้องถิ่น 4.โครงการฮิลไซค์ รีสอร์ต แอนด์ สปา และ 5.โครงการธนาเลย์ บาย เดอะ ซี (Ta-nalay by the Sea) ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ยกเลิกการดำเนินการไปแล้ว 3 โครงการ เนื่องจากมีราษฎรอาศัยอยู่

ขณะเดียวกัน ยังคงดำเนินการต่อจำนวน 2 โครงการ คือ 1.โครงการเกาะกูด ซีฟร้อนท์ ซึ่งประกอบด้วยการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งชาวบ้านมีความต้องการโครงการนี้ และ 2.โครงการธนาเลย์ บาย เดอะ ซี เป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อการท่องเที่ยว สัญญาเช่า 30 ปี รองรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์



ท้องถิ่น-ชาวบ้านรุมต้าน

นายเดชาธร จันทร์อบ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูดกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์โครงการธนาเลย์ บาย เดอะ ซี เพราะกรมธนารักษ์ได้ทำการศึกษาไว้นานเป็น 10 ปีตั้งแต่ปี 2549 แต่ปัจจุบันเวลาผ่านมาถึง 10 ปีไม่มีการดำเนินการ ทำให้สภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้ ปะการัง สัตว์น้ำ หากจะดำเนินการในปี 2560 ต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และทำประชาคมใหม่โดยยื่นผ่าน อบต.เกาะกูด ส่วนที่จะเปิดให้เอกชนเช่าตามประกาศวันที่ 19 ม.ค. 2560 นั้น ประชาชนในท้องถิ่นน้อยมากที่รับรู้ข่าวสาร จึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านตามกรอบเวลา

"กรมธนารักษ์ศึกษาไว้นานเป็น 10 ปี เสมือนยาหมดอายุ เช่น สภาพพื้นที่ป่าไม้ช่วงนั้นมีการบุกรุกแผ้วถางจริง แต่วันนี้ป่าไม้ขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ ปะการังช่วงนั้นมีปัญหาเอลนิโญถูกทำลายก็กลับมาอุดมสมบูรณ์ จึงควรลงมาดูพื้นที่จริงและศึกษาใหม่" นายเดชาธรกล่าว

ด้าน นายพีระวัฒน์ วังรัตน์กุล นายอำเภอเกาะกูดกล่าวว่า เหตุผลที่ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านไม่เห็นด้วย เนื่องจาก 1.กระบวนการรับฟังความคิดเห็นผิดพลาด ไม่ได้แจ้งให้ประชาชน/ผู้นำท้องถิ่นรับทราบ และมาแสดงความคิดเห็นในช่วงกรอบเวลา 2.เป็นการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3.ชาวบ้านรอพิสูจน์สิทธิมานานถึง 14-15 ปียังไม่ได้เอกสารสิทธิ แต่กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุที่ขอคืนจากกองทัพเรือมาให้เอกชนประมูลหาประโยชน์ และ 4.ผลการศึกษาผ่านมานานถึง 10 ปี แล้วข้อมูลไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน

นี่เป็นข้อมูลที่สะท้อนมาจากฝ่ายท้องถิ่น และเหตุผลที่ภาคประชาชนได้ออกมาคัดค้านโครงการเปิดประมูลแหลมโตกให้เอกชนเช่า ในขณะที่วันนี้กรมธนารักษ์ก็ประกาศเดินหน้าไม่ถอยเช่นกัน

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1489566885
 
#120 ·
ยกแรกชนะ! ชาวเกาะกูดยื่นค้านประมูลเขาแหลมโตก ล่าสุดธนารักษ์สั่งชะลออีก 6 เดือน ทำประชาพิจารณ์ใหม่

วันที่: 24 เม.ย. 60 เวลา: 18:40 น.

วันที่ 24 เมษายน 2560 ความคืบหน้ากรณีที่กรมธนารักษ์ เปิดประมูลเขาแหลมโตก อ่าวบังเป้า ต.เกาะกูด อำเภอเกาะกูด จ.ตราด เนื้อที่ 48 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา ในราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 48 ล้านบาท เพื่อให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่สร้างโรงแรม,รีสอร์ท ที่จะมีการยื่นซองประมูลวันแรก ในวันพรุ่งนี้วันที่ 25 เมษายน 2560 โดยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา นายมนตรี มะลิย้อย ประธานกลุ่มภาคประชาชนและชาวบ้านตำบลเกาะกูด กว่า 10 คน เดินทางจากจังหวัดตราด พร้อมหนังสือคัดค้านการประมูล ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ตร.455 บนพื้นที่ ต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จำนวน 48-2-80 ไร่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เขาแหลมโตก นอกจากนี้แล้วยังมีรายชื่อผู้ร่วมคัดค้านที่ดินดังกล่าว ทั้งชาวตราดและชาวไทยทั่วประเทศที่ร่วมกันลงชื่อคัคค้านออนไลท์ผ่านช่องทางของกูเกิลอีกด้วย



โดยนายมนตรี ได้มอบหนังสือให้กับตัวแทนจากสำนักนายกและกรมธนารักษ์ เพื่อให้ทบทวนและพิจารณาโครงนี้ใหม่อีกครั้ง หรือยกเลิกการประมูลได้ยิ่งดี เนื่องจากบริเวณแหลมโตก เป็นจุดที่มีป่า มีต้นไม้จำนวนมาก มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่พักอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด หากการประมูลสำเร็จ ผลกระทบที่จะตามมาคือสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางทะเล
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการยื่นเรื่องคัดค้านแล้ว กรมธนารักษ์ ได้สั่งการมีการชะลอการประมูลที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ทันที พร้อมขอเวลาอีก 6 เดือน เพื่อทำการประชาวิจารณ์ใหม่อีกครั้ง ถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ ทั้งทางบก และทางทะเลต่อไป


นายมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการร้องเรียนในครั้งนี้ และทำให้กรธนารักษ์ต้องหยุดการดำเนินการไปในเบี้องต้นแต่ใช่ว่า โครงการทั้งหมดจะหยุดไป เพราะทางกรมธนารักษ์ยังยืนเวลาไปอีก6 เดือนเพื่อทำการทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางกลุ่มจะได้ดำเนินคัดค้านและเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง

http://www.matichon.co.th/news/539301
 
#122 ·
ส่อวุ่นหนัก! กฎหมาย"การเดินเรือ"ใหม่ บ้านริมน้ำเข้าข่ายผิดทั้งประเทศ-ตราดแจ็กพอต5พันหลัง

updated: 18 พ.ค. 2560 เวลา 09:45:48 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ดีเดย์รุกล้ำลำน้ำให้แจ้งขออนุญาตเจ้าท่าภายใน 22 มิ.ย. 60 นายกสมาคมประมงฯชี้วิถีริมน้ำป่วนทั่วไทย ร่อนหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้องใช้ ม.44 เลื่อนใช้กฎหมาย จี้ตั้งคณะทำงานแก้ พ.ร.บ.การเดินเรือฯใหม่ให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ขณะที่หมู่บ้านชาวประมงตราดแจ็กพอตเข้าข่าย 5 พันหลังคาเรือน คาดค่าปรับทะลุ 200 ล้านบาท เจ้าท่าตราดห่วงชาวบ้านเดือดร้อนหนัก แนะจังหวัดระดมหน่วยงานหาทางออกร่วมกัน
ทันทีที่ พ.ร.บ.การเดินเรือน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายเพื่อควบคุมการปลูกสร้างอาคาร หรือสิ่งอื่นใดลงไปในแม่น้ำลำคลอง ทะเล ชายหาดสาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการรักษาลำน้ำสำหรับการพาณิชยนาวี การเกษตรกรรม และการป้องกันอุทกภัย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา มีผลให้เจ้าของที่ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำทั้งที่เคยได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาต ต้องไปแจ้งขออนุญาตกรมเจ้าท่าภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 หากไม่มาแจ้งตามกำหนดจะมีโทษปรับโดยคำนวณตามพื้นที่ของอาคารอัตราตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 500 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก และต้องรื้อถอนภายใน 1 ปี

นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศใช้กฎหมายการเดินเรือฯ ขณะนี้สร้างความปั่นป่วนอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำลำคลอง หรือชายทะเล เข้าข่ายรุกล้ำลำน้ำทั้งสิ้น เท่าที่สำรวจไม่ว่าจะแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน หรืออัมพวา หลายหมู่บ้านริมน้ำสร้างขึ้นมาโดยมีโฉนด แต่เมื่อเวลาผ่านไปน้ำกัดเซาะจนที่ดินหาย ถามว่ากรณีนี้จะทำอย่างไร แม้กระทั่งหมู่บ้านชายทะเลที่ไม่มีโฉนด แต่เป็นท่าเทียบเรือที่อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ไม่ว่าจะเป็นที่ระนองหรือระยอง หากมีการรื้อถอนคาดว่าจะเสียหายหลายหมื่นล้านบาท

"ผมได้ยื่นหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีใช้ ม.44 เลื่อนการใช้ พ.ร.บ.การเดินเรือฯ มาตรา 18 ที่กำหนดระยะเวลาการแจ้งเจ้าท่า และการเสียค่าปรับออกไปก่อน 1 ปี จากนั้นขอให้ตั้งคณะทำงานแก้กฎหมาย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยยื่นผ่านเลขานุการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว อยู่ระหว่างรอคำตอบ ถ้ารัฐบาลไม่แสดงท่าทีอะไร รับรองว่าหน้าทำเนียบรัฐบาลไม่พอจุพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนในครั้งนี้อย่างแน่นอน"

ด้านนางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวว่า ได้รวบรวมข้อมูลบ้านที่รุกล้ำลำน้ำมีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย เบื้องต้นได้สำรวจพื้นที่ อ.เมืองตราด อ.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ได้ประมาณ 80-90% โดยพื้นที่ อ.คลองใหญ่ มีการรุกล้ำมากที่สุด พื้นที่ทั้งหมด 111,871 ตารางเมตร ถ้าเสียค่าปรับอัตรา 500 บาท/ตร.ม. จะเป็นจำนวนเงินกว่า 55,901,995 บาท อ.เมืองตราด พื้นที่ 39,707 ตารางเมตร ค่าปรับ 19,853,912 บาท อ.แหลมงอบ พื้นที่ 13,360 ตารางเมตร ค่าปรับ 6,680,000 บาท ส่วน อ.เกาะช้าง อ.เกาะกูด อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล และปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะมีการประชุมหารือกับตัวแทนเครือข่ายจังหวัดชายทะเลทั้ง 23 จังหวัด ที่มีปัญหาร่วมกัน เพื่อนำเสนอปัญหาแนวทางแก้ไขกับหน่วยงานภาครัฐ

"สิ่งที่ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สุด คือ ขอขยายเวลาขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่า จากวันที่ 22 มิถุนายนนี้ออกไปก่อน และหน่วยงานภาครัฐควรเป็นแกนหลักจัดเวทีเสวนาสาธารณะ มีนักวิชาการ นักกฎหมาย องค์กรภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหาข้อสรุปเพื่อแก้ไขกฎหมายในสภาพที่สามารถนำไปใช้ได้จริง จากนี้จะมีการทำหนังสือถึงหน่วยงานต่าง ๆ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กระทรวงคมนาคม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราด สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน" นางเรวดีกล่าว


ยังหวั่น - สภาพบ้านเรือนของชาวประมง หมู่ 3 บ้านอ่าวกรูด ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด ตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าชายเลนที่ชาวบ้านไปขึ้นทะเบียนขออนุญาตใช้จากสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (บ้านน้ำเชี่ยว) เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมา แต่ภายหลังประกาศใช้พ.ร.บ.เดินเรือฯ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเข้าข่ายรุกล้ำลำน้ำ เจ้าของสิ่งปลูกสร้างต้องไปแจ้งขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่าภายในวันที่ 22 มิถุนายน 60 ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้รับอนุญาตใช้ประโยชน์ต่อหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระบุอีกว่า สภาพบ้านเรือนที่ปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำใน จ.ตราด มีจำนวนมากกว่า 5,000 หลังคาเรือน รวมพื้นที่ประมาณ 350,000-400,000 ตารางเมตร ซึ่งหากมีต้องเสียค่าปรับอัตราตารางเมตรละ 500 บาท จะเป็นจำนวนเงินถึงกว่า 200 ล้านบาท

ด้านนายสุรศักดิ์ อินทรประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กล่าวว่า บ้านริมน้ำลำคลองที่ตราดเป็นประมงพื้นบ้าน อยู่อาศัยมาเกือบ 60 ปี เป็นทั้งบ้านและที่จอดเรือ เมื่อปี 2535 กรมเจ้าท่าเคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ไปแจ้งขออนุญาต แต่ชาวบ้านไม่ได้ไป เนื่องจากการสื่อสารช่วงนั้นไม่สะดวก ดังนั้นเมื่อ พ.ร.บ.การเดินเรือฉบับใหม่ประกาศใช้ ทำให้ชาวบ้าน ต.ไม้รูด 765 หลังคาเรือนเดือดร้อน เป็นพื้นที่ทั้งหมด 75,106 ตารางเมตร ค่าปรับ 37.5 ล้านบาท ชาวบ้านไม่มีแน่นอน อีกทั้งต้องเสียค่าเช่ารายปีอัตราตารางเมตรละ 50 บาท ถือว่ายังสูงมาก ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขอเสนอให้ลดค่าเช่าเหลือตารางเมตรละ 5 บาท

นายจักรกฤชณ์ สลักเพชร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้างใต้ กล่าวว่า การออกกฎหมายออกมาบังคับรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับชาวบ้าน ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงต้องทำมาหากินอยู่กับทะเล บางคนอยู่มาเป็น 100 ปี การแก้ปัญหาควรมีการสำรวจความเดือดร้อนก่อน เช่น ชาวบ้านหลายรายอยู่มาก่อนปี 2525 ที่ประกาศเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ควรได้สิทธิอยู่ต่อ จากนั้นจำกัดเขตไม่ให้มีผู้รุกล้ำรายใหม่ ๆ

นายอำนาจ สอนหมวก ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราด กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้มายื่นเอกสารบ้างแล้ว ส่วนมากเป็นประเภทสิ่งที่ล่วงล้ำพึงอนุญาตได้ ขณะที่ปัญหาสภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ตามชายฝั่ง หรือเกาะ และบางพื้นที่ เช่น เกาะช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ไม่ได้อยู่ในลักษณะอาคารที่พึงอนุญาตได้ ดังนั้นการปฏิบัติตามกฎหมายของกรมเจ้าท่า หากมีการรื้อถอนชาวบ้านจะเดือดร้อนกันมาก จังหวัดควรหาทางออก โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแลไกล่เกลี่ยเพราะมีผลกระทบหลายด้าน ทั้งที่อยู่ที่ทำมาหากิน ทั้งนี้มองว่าทางออกภาครัฐกับภาคเอกชนต้องคุยกัน เช่น การยกที่ดินให้กรมธนารักษ์ดูแลให้ชาวบ้านที่ปลูกสร้างบ้านไปแล้วเช่า เพื่อควบคุมพื้นที่ถูกรุกล้ำ เป็นต้น

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1495013213
 
#127 ·
ค้าชายแดนตราดวูบ2พันล้าน ขึ้นภาษีพ่นพิษกัมพูชาเตะตัดขาเบียร์ไทย

4 November 2017

ค้าชายแดนตราด หดตัวเหลือแค่ 3.3 หมื่นล้านหายไปกว่า 2 พันล้าน ชี้ส่งออกลดลงจากสินค้าหลัก คือเบียร์ที่ถูกภาษีเล่นงาน

นายโสรัจ สังขวรรณ นายด่านศุลกากรคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนไทยกัมพูชาด้านอ.คลองใหญ่ จ.ตราด ในปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2459-เดือนกันยายน 2560) มีมูลค่าจำนวน 33,532,538 บาท แยกเป็นมูลค่าส่งออก 28,595,632,016 บาท มูลค่านำเข้า 4,936,906 บาท ทำให้ไทยเกินดุล 23,658,725,823 บาท แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าชายแดนปีงบประมาณ 2559 ที่มีมูลค่า 35,114,500,381 บาท พบว่า มีมูลค่าค้าชายแดนลดลง 1,584,962,172 บาท โดยที่มูลค่าส่งออกมียอดลดลงกว่า 1,939 ล้านบาท หรือลดลง 6.35 %

“ในส่วนสินค้าที่มีการส่งออกไปยังประเทศกัมพูชาในปี 2560 ยังคงเป็นสินค้าที่มีการส่งออกเป็นประจำในรอบ 10 ปี ประกอบด้วย เครื่องดื่ม นํ้าอัดลม และนํ้าหวานมีมูลค่ากว่า 3,049 ล้านบาท, นํ้าตาลทราย 2,102 ล้านบาท, นมและอาหารเสริม 1,648 ล้านบาท, รถจักรยานยนต์ 1,088 ล้านบาท ของใช้พลาสติก 938 ล้านบาท ชุดสายไฟฟ้า 817 ล้านบาท ส่วนสินค้านำเข้ามายังประเทศก็คือ ชุดสายไฟฟ้ารถยนต์สำเร็จรูป 3,695 ล้านบาท เสื้อผ้าสำเร็จรูป 501 ล้านบาท ผลมะพร้าว 217 ล้านบาท ปลาทะเลสดทั้งตัว 128 ล้านบาท ปลาหมึก 88 ล้านบาท”

MP21-3310-A
นายโสรัจ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่มูลค่าการค้าชายแดนในปีนี้ลดลงเกือบ 2 พันล้านบาท ทั้งที่ทุกปีมูลค่าการค้าขายที่ช่องทางนี้แต่ละปีจะเพิ่มสูงขึ้น 5-8% เเละการสั่งซื้อสินค้านำเข้ากลับมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี และปีนี้ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 400 ล้านบาท เพราะสินค้าที่เป็นพระเอกในการส่งออกในช่องทางนี้ 3-4 ตัว คือ เครื่องดื่ม อย่างเบียร์ไทย (สิงห์, ช้าง, ลีโอ ฯลฯ) ถูกทางรัฐบาลกัมพูชาเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้น ทำให้ราคาต้นทุนเพิ่มขึ้น ราคาขายจึงสูงขึ้น ส่งผลให้พ่อค้ามียอดคำสั่งซื้อลดลง โดยรัฐบาลกัมพูชาต้องการส่งเสริมให้คนกัมพูชาบริโภคเบียร์ภายในประเทศมากกว่า รวมทั้งรถจักรยานยนต์ที่มูลค่าการค้าลดลงไปเกือบ 300 ล้านบาท เนื่องจากมีการนำส่งออกไปทางช่องทางอื่นๆ ขณะที่สินค้าอื่นๆ มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นทั้งนํ้าตาลทราย และนมรวมทั้งอาหารเสริม เป็นต้น

“สินค้าที่มีแนวโน้มการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกปี คือ ชุดสายไฟรถยนต์สำเร็จ ที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 3,693 ล้านบาท และเสื้อผ้าสำเร็จรูป 501 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 200 ล้านบาท รวมทั้งปลาทะเลสดแช่เย็นทั้งตัวมีมูลค่ากว่า 128 ล้านบาท โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปและชุดสายไฟฟ้า ผลิตโดยนักลงทุนคนไทยที่ไปลงทุนตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเกาะกง ประเทศกัมพูชาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้สินค้า 2 ประเภทมีมูลค่ารวมถึงกว่า 4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด”

นายด่านศุลกากรคลองใหญ่ กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การส่งสินค้าไปยังประเทศกัมพูชาที่ผ่านทางจ.ตราด มีช่องทางการส่งออกหลายช่องทาง คือ ช่องทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ที่ส่งออกทางนํ้า (ทะเล) โดยขนส่งสินค้าจากท่าเรือส่งออกของเอกชน 3 รายส่งไปยังท่าเรือสีหนุวิลล์ และท่าเรือกัมปอด ประเทศกัมพูชา บางส่วนส่งไปยังประเทศเวียดนามด้วย ซึ่งปีงบประมาณ 2560 คิดเป็น 62.92% หรือ 17,992 ล้านบาท ขณะที่ขนส่งทางบก (ถนน) ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กกว่า 10,527 ล้านบาท ซึ่งทางถนนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากสินค้าบางชนิดต้องการเดินทางที่รวดเร็ว เช่นผัก ผลไม้เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสินค้า ส่งออกไปยังช่องทางบ้านมะม่วง ต.นนทรีย์ อ.บ่อไร่ จ.ตราดไปยังอ.สัมรูด จ.พระตะบอง ปีงบประมาณ 2560 มีมูลค่า 76 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว หลังมีการเปิดเป็นจุดผ่านแดนชั่วคราวและเปิดให้เข้าออกได้ทุกวันจาก 3 วัน/สัปดาห์ และที่จุดผ่อนปรนการค้าบ้านท่าเส้น ที่มีมูลค่า 2.7 แสนบาท และเปิดเพียง 1 วัน/สัปดาห์ และตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไปจะเปิดเป็น 3 วัน/สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรในเร็วๆ นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,310 วันที่ 2 - 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

http://www.thansettakij.com/content/225904
 
#128 ·
สนธิกำลังตรวจยึดป่าชายเลนคืน 147 ไร่ 2 ตำบล หลังนายทุนบุกรุกทำนากุ้ง

เผยแพร่: 9 พ.ย. 2560 17:28:00 โดย: MGR Online

ตราด - เจ้าหน้าสนธิกำลังเข้าตรวจยึดป่าชายเลนคืน 147 ไร่ จาก 2 ตำบล หลังนายทุนบุกรุกทำนากุ้ง

วันนี้ (9 พ.ย.) นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตราด กอ.รมน.จังหวัดตราด ร้อย รส.ที่ 4 ร้อย ตชด.117 จนท.ป่าไม้ จนท.ป่าชายเลน และ จนท.อส.อำเภอเมืองตราด จำนวนรวม 40 นาย ร่วมตรวจสอบตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ หมู่ 8 ตำบลวังกระแจะ และ หมู่ 6 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด รวมเนื้อที่บุกรุกประมาณ 147 ไร่

โดยจุดที่ 1 ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ หมู่ 8 เนินตาแมว ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด มีผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวนพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นทุ่งโล่ง ปลูกพืชผล อาทิเช่น มะพร้าว หมาก กล้วยและมันสำปะหลัง พื้นที่ดังกล่าวไม่พบผู้กระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพ จับพิกัด และทำแผนที่ตรวจยึด

ส่วนจุดที่ 2 อยู่พื้นที่หมู่ที่ 6 ซอยคลองนา ต.ท่าพริก พื้นที่ดังกล่าวเป็นนากุ้ง จำนวน 80 ไร่ พบ น.ส.รัตนาภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นลูกจ้างและแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 6 คน จากการตรวจสอบตามพิกัด ทราบว่ามีพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ประมาณ 30 ไร่ จึงทำบันทึกและจับพิกัดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัว น.ส.รัตนาภรณ์ ผู้ดูแลนากุ้ง มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน 45ด่านเก่า และประสานให้เจ้าของนำเอกสารการครอบครองที่ดินมาชี้แจง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

https://mgronline.com/local/detail/9600000113512
 
This is an older thread, you may not receive a response, and could be reviving an old thread. Please consider creating a new thread.
Top