SkyscraperCity Forum banner

Luxury Boutique Stores in Thailand

650K views 1K replies 106 participants last post by  Icover 
#1 ·
I want to make up a list of the world’s famous brands(for clothing) locating in Bangkok. Here are some I can think of. I want to put up this list in the VS thread to support Bangkok’s title as SEA’s top shopping destination. So, I need some help from you guys. Please write some more if you can think of any...

1. CHANEL, 2 stores
2. CLUB 21(Alexander McQueen, Comme des Garcons, Dolce & Gabbana, Dries van noten, Etro, Helmut Lang, Issey Miyake, Jil Sander, John Galliano, Junya Watanabe, Marni, Martin Margiela, Miu Miu, Neil Barrett, Rick Owens, Yohji Yamamoto)
3. GUCCI, 2 stores
4. GUESS, 2 stores + small outlets in Central Department Store
5. Gianni Versace, 2 stores
6. Versace Classic V2, 1 store
7. Versus, 1 store?
8. Armani Exchange(A/X), 2 stores
9. DKNY, 2 stores
10. Calvin Klien, 1 store + small outlets in Central Department Store and Zen
11. MULBERRY, 1 store
12. PRADA, 2 stores
13. CHRISTIAN DIOR(CD), 2 stores
14. HUGO BOSS, 1 store
15. GIORGIO ARMANI, 1 store?
16. GIVENCHY, 1 store
17. Dolce & Gabana(D&G), 1 store?
18. LOUIS VUITTON, 2 stores
19. KENZO, 1 store
20. BURBERRY, 1 store
21. FENDI, 2 stores
22. Salvatore Ferragamo, 2 stores
23. Christian Lacroix, 1 store
24. Emporio Armani, 1 store
25. Emilio Pucci, 1 store
26. CELINE, 2 stores
27. LOEWE, 1 store
28. LA PERLA, 1 store
29. HERMES, 1 store?
30. LANVIN, 1 store
31. Max Mara, 1 store
32. Paul Smith, 1 store
33. MOSCHINO, 1 store
34. MORGAN, 1 store
35. UNGARO, 1 store
36. Jean Louis Scherrer, 1 store
37. Noriko/Riko, 1 store
38. Louis Feraud/Guy Laroche, ??
39. Replay, 2 stores + small outlet in Central Department Store
40. MNG, ??
41. ESPRIT, ??
42. LACOSTE, ??
43. CERRUTI, ??
44. S. OLIVER, ??
45. NAUTICA, ??
46. OAKLEY, ??
47. KEVEN, ??
 
See less See more
#507 ·
ระเบิดศึกค้าปลีกกลางเมือง



พลิกโฉม 3 สยาม "สยามพารากอน/สยามเซ็นเตอร์/สยามดิสคัฟเวอรี่" รับศึกค้าปลีกดาวน์ทาวน์แข่งดุ ชูโพสิชันนิ่งแตกต่าง สร้างจุดเด่นรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ล่าสุดทุ่มอีกกว่าพันล้านซุ่มรีโนเวต ฉุดแบรนด์เนมดังระดับโลกร่วมเปิดช็อป พร้อมจัดบิ๊กอีเวนต์ระดับเวิลด์คลาสทุกเดือน ดีเดย์โฉมใหม่ในโอกาสครบรอบ 8 ปี ขณะที่ยอดนักช็อปไทย/เทศทะลุกว่า 2 แสนคนต่อวัน จับตาสิ้นปีดีกรีแข่งเดือนพุ่ง หลังเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่เปิด

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน , สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดเผยว่า บริษัททยอยปรับปรุงศูนย์การค้าสยามพารากอนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเริ่มปรับพื้นที่พร้อมจัดโซนนิ่งใหม่ เช่น โซนออโต (รถยนต์) , โซนลักชัวรี , โซนร้านอาหาร ฯลฯ โดยมีแบรนด์เนมระดับโลกจะเข้ามาเปิดให้บริการทั้งคริสเตียน ดิออร์ , มิว มิว , ดิออร์จิโอ เป็นต้น ขณะที่บางร้านขยายพื้นที่เพิ่ม เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น เช่น ปราด้า ฯลฯ และบางร้านปรับการตกแต่งหน้าร้านเพื่อให้สดใส ทันสมัย หรูหรามากขึ้น โดยการปรับพื้นที่ทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับการฉลองสยามพารากอนเปิดให้บริการครบรอบ 8 ปี ในเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบและโพสิชันนิ่งใหม่ให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อทำการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้บริษัทได้ใช้งบกว่า 1.8 พันล้านบาทในการปรับปรุงสยามเซ็นเตอร์และเปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าหลังการปรับปรุงพื้นที่ภายในศูนย์การค้าทั้ง 3 สยามจะทำให้มีนักช็อปทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

"ทั้ง 3 สยาม ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ มีพื้นที่รวมกันราว 1 ล้านตารางเมตร โดยแต่ละศูนย์มีจุดเด่นและโพสิชันนิ่งที่แตกต่างกัน คือ สยามพารากอนจะเป็น The Prime of Bangkok ที่รวมความเป็นที่สุดทั้งร้านค้าแบรนด์เนม , กิจกรรมที่จัดขึ้นก็ต้องระดับเวิลด์คลาส ซึ่งทุกเดือนจะมีบิ๊กอีเวนต์ที่มาช่วยสร้างสีสัน ส่วนสยามเซ็นเตอร์ จะเป็น Trend Setter นำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับนักช็อป ซึ่งปีนี้จะมีทั้งสิ้น 6 เทรนด์ หรือปรับเปลี่ยนทุกๆ 2 เดือน ส่วนสยามดิสคัฟเวอรี่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโพสิชันนิ่งใหม่ เพื่อนำมาปรับในสิ้นปีนี้ โดยรูปแบบหลักยังคงเน้นนำเสนอภายใต้แนวคิด Fashion , Art และ Lifestyle" นางมยุรีกล่าวและว่าศูนย์กลางค้าทั้ง 3 แห่งถือเป็นศูนย์กลางค้าปลีกใจกลางเมืองสำคัญของประเทศ แต่ละวันมีนักช็อปปิ้งทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาใช้บริการกว่า 2 แสนคนต่อวัน นอกจากที่นี่จะเน้นจำหน่ายสินค้าแล้วยังเป็นแหล่งสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าด้วย

นางมยุรี กล่าวอีกว่า การรีโนเวตครั้งนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 1.4 -1.5 พันล้านบาท และใน 7 เดือนที่เหลือนี้บริษัทเตรียมใช้งบการตลาดกว่า 120 ล้านบาท หลังจากที่ 5 เดือนที่ผ่านมาใช้งบไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท โดยภาพรวมของศูนย์การค้าในครึ่งปีแรกดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เห็นได้จากจำนวนนักช็อปที่เข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะนักช็อปจากต่างประเทศพบว่าในไตรมาสแรกมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยปัจจุบันนักช็อปที่เข้ามาใช้บริการจะแบ่งเป็นคนไทย 60% และต่างชาติ 40%

อย่างไรก็ดี การแข่งขันของห้างค้าปลีกใจกลางเมืองยังคงทวีความรุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งแต่สี่แยกปทุมวัน เชื่อมมายังราชประสงค์ และต่อเนื่องถึงถนนสุขุมวิท ที่กลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญและในสิ้นปีนี้ที่กลุ่มเซ็นทรัล จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสถานทูตอังกฤษเดิมและยังเชื่อมต่อกับห้างเซ็นทรัล ชิดลม มีพื้นที่เกือบ 10 ไร่ รวมพื้นที่ค้าปลีกกว่า 1.4 แสนตารางเมตร ใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นร้าน เน้นรวบรวมร้านแฟล็กชิพสโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลกมาไว้ที่นี่ ซึ่งขณะนี้เร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดให้ทันเดือนธันวาคมนี้ ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของสยามพารากอน ทำให้เป็นที่จับตามองว่าค้าปลีกใจกลางเมืองจะเพิ่มดีกรีความร้อนระอุในสิ้นปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,848
วันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556
http://www.thanonline.com/index.php...5-28-08-40-42&catid=106:-marketing&Itemid=456
 
#508 ·
เบอร์เบอรี่ทุ่มงบปรับโฉมรับศึกแบรนด์เนม



แอลบีจี เดินหน้าขยายการลงทุนพร้อมปรับโฉมร้าน "เบอร์เบอรี่" แบรนด์เนมดังจากอังกฤษ มั่นใจปั๊มยอดขายจากขาช็อปทั้งไทยและเทศเพิ่ม เผยเตรียมเจรจาบริษัทแม่ หั่นราคาสินค้าสู้ศึกแบรนด์เนม พร้อมอ้อนรัฐหันมาส่งเสริมตลาด ลดภาษีนำเข้าแข่งเพื่อนบ้าน หลังราคาพุ่งสูงกว่า 20-25%

นางนันทินี แทนเนอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอลบีจี จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าแฟชั่น แบรนด์ เบอร์เบอรี่ (BURBERRY) จากประเทศอังกฤษ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนการลงทุนในปีนี้ว่า บริษัทเตรียมทุ่มงบ 200 ล้านบาทปรับปรุงหรือรีโนเวตร้านเบอร์เบอรี่ใหม่หมด เพื่อให้มีภาพลักษณ์เดียวกันทั่วโลก หลังจากที่บริษัทแม่ มีนโยบายในการรีโนเวตร้านเบอร์เบอรี่ใหม่ทั่วโลก โดยบริษัทจะเริ่มรีโนเวตสาขาสยามพารากอน พร้อมกับขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 400 ตร.ม. จากปัจจุบัน 200 ตร.ม.

นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมใช้งบลงทุนอีกกว่า 280 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 สาขา ที่ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มโพเรียม 2 (EMQUARTIER) ซึ่งจะเป็นร้านรูปแบบใหม่เช่นเดียวกับทั่วโลกและเน้นความหรูหราในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเบอร์เบอรี่ โดยดิ เอ็มโพเรียม จะเป็นร้านเบอร์เบอรี่สำหรับสินค้าผู้ชาย ใช้งบลงทุนกว่า 80 ล้านบาท และดิ เอ็มโพเรียม 2 จะเป็นร้านเบอร์เบอรี่สำหรับสินค้าผู้หญิง ใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ส่วนร้านเบอร์เบอรี่สาขาเกษร ขณะนี้ยังปิดปรับปรุง และอยู่ระหว่างการพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสมภายในเกษรเช่นเดิม

ปัจจุบันตลาดสินค้าแบรนด์เนมมีการแข่งขันที่รุนแรง เพราะแต่ละแบรนด์ต่างทำกิจกรรมการตลาดในรูปแบบที่ไม่แตกต่างกัน เพื่อเรียกยอดขายจากกลุ่มลูกค้า ในส่วนแบรนด์เบอร์เบอรี่ก็มีการจัดทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องด้วย โดยจะเน้นเพิ่มการบริการให้มีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าให้มากที่สุด ด้วยการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานขายเกี่ยวกับสินค้า ส่วนการลดราคาสินค้าโดยปกติจะมีการจัดปีละ 2 ครั้ง สำหรับเทศกาล end of season ที่จัดพร้อมกันทั่วโลกในอัตราส่วนลด 30-40%

"ลูกค้าวีไอพีปกติจะได้รับส่วนลดพิเศษในอัตรา 10% ในการซื้อสินค้า ส่วนช่วงที่จัดรายการลดราคาสินค้าก็จะออนท็อป ซึ่งสินค้าบางรายการบริษัทลดราคาจนขายแบบไม่มีกำไร ทั้งนี้บริษัทมีแนวคิดที่จะขอต่อรองราคากับบริษัทแม่เพื่อลดราคาสินค้าลงให้ต่ำกว่านี้ จะได้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ และแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย เพราะปัจจุบันราคาสินค้าในประเทศไทยยังสูงกว่าในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซียราว 20-25% ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปที่ไทยยังเสียในอัตรา 30% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ซึ่งเดิมทำยอดขายได้น้อยกว่าไทย และเพราะเสียภาษีนำเข้าสูงเช่นกัน แต่ภายหลังรัฐบาลเขาให้ความสำคัญจึงลดภาษีนำเข้าลงเหลือ 5% ทำให้ตอนนี้สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมของมาเลเซียมียอดขายนำหน้าประเทศไทยไปแล้ว" นางนันทินี กล่าวและว่า

หากรัฐบาลจะให้ความสำคัญและทำให้ธุรกิจเติบโต น่าจะลดภาษีสินค้านำเข้าเพื่อให้มีราคาสินค้าที่ถูกลง เพราะจะได้รับผลดีจากยอดขายที่มากขึ้นจากยอดขายที่มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยว และเงินไม่ไหลออกจากกลุ่มคนไทยที่ปัจจุบันยังออกไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศจำนวนมาก เป็นผลทำให้ประเทศต้องสูญเสียรายได้จากธุรกิจเหล่านี้ และที่สำคัญจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าแฟชั่นในภูมิภาคนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมเคยมีการนำเสนอข้อเรียกร้องดังกล่าวให้กับรัฐบาลแล้ว เพื่อพิจารณาลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวลง

นางนันทินี กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการแข่งขันของสินค้าแบรนด์เนมที่มีความรุนแรงแล้ว ในปีนี้ยังเห็นทิศทางการแข่งขันในธุรกิจสินค้าแฟชั่น จากการเข้ามาของสินค้าแบรนด์เนมระดับ B ในราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่าสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีราคาเฉลี่ย 1-4 หมื่นบาทที่เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งหันไปซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำลง ซึ่งบริษัทเองก็มีนโยบายที่จะพิจารณานำสินค้ากลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำตลาดด้วยเช่นกัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และพิจารณาคัดเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมกับตลาดไทย โดยในส่วนผลการดำเนินงานปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายเติบโตได้ 20% จากปีที่ผ่านมา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,849 วันที่ 2 - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556
http://www.thanonline.com/index.php...5-31-07-59-24&catid=106:-marketing&Itemid=456
 
#509 · (Edited)
Next 2 years, we will have...

1st boutique of Roberto Cavalli, Giuseppe Zanotti, Roger Vivier, Tiffany&Co, Michael Kors
2 boutiques : Givenchy, Bottega Veneta, Versace, Saint Laurent
3 boutiques : Jimmy Choo, Mulberry
4 boutiques : Chanel, Gucci, Hermès, Miu Miu
5 boutiques : Prada, Burberry, Dior
10 boutiques : Coach
 
#513 ·
Hugo Boss’ First Concept Store in Asia Opens in Bangkok
Spring 2013 collection showcases new cutting designs by the luxury brand


Elegance, style, chic - words that capture the qualities of Hugo Boss.
Ken Kongkatong

Elegance, style, chic – these are the words that define Hugo Boss. Known for their witty yet sophisticated designs, Hugo Boss has risen in the fashion world as a major player in the luxury circuit for years. This season, the brand continues their aspirations as they set their sights on Asia with their Spring 2013 Collection and of course, their latest Hugo Boss concept store in Bangkok.


The latest Hugo Boss store in Bangkok is incidentally the brand's first concept store in Asia.

Standing at 1,900 square feet, the Hugo Boss store in Bangkok is Hugo Boss’ first concept store in Asia. The store’s design is intricate and modern; its interiors match Hugo Boss’ latest springtime collection – Metropolises of the World. With bold contrasting colours and linen walls, the collection is prominently displayed across the store.

Furthermore, the store’s concept reflects the sharp and cutting look of the Hugo Boss gentleman.

Metropolises of the World comprises of bold and dashing styles – it speaks to modern art deco fashion. Inspired by the urban man from cosmopolitan cities such as New York and Hong Kong, the collections can be worn on various occasions - be it business meetings or social functions. The collection truly stands at the apex of modern living.

The season’s key collection is a medium blue, two-button suit, which is worn with a slim-cut shirt. The outfit is then garbed in other attractive accessories: shoes, a weekender, and a belt made from extravagant calf. For the casual sporty gentleman, the look consists of a light cotton chino and summer knits, which can be garbed with lamb leather jackets and sporty blousons to impress a Boss quality.

In response to the latest Hugo Boss store in Bangkok and the collection, Thai celebrity Nondh Amranand sees the latest collection as “light and easy to wear under Bangkok’s blazing heat. I always choose darker colour suits and match them with stylish ties – a proper look for young men.”

The Boss’ Spring 2013 collection and the new Hugo Boss flagship store is located at the first floor of Gaysorn Plaza.
http://th.lifestyleasia.com/en/features/style/hugo-boss-concept-store-bangkok#
 
#528 ·
#530 ·
ยิ่งใหญ่กว่าเดิมกับโฉมใหม่ของ Versace



Versace ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แบรนด์ต่างๆในเครือ Versace Group ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในโลกแฟชั่นชั้นสูงของปารีส โดยการทำงานร่วมกันกับไฮสตรีทแบรนด์ อย่าง H&M เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าแฟชั่นนิสต้ารุ่นใหม่ได้เข้าถึงแบรนด์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายไลน์ใหม่ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นสำหรับชุดว่ายน้ำและชุดชั้นใน รวมทั้งยกระดับธุรกิจแอคเซสเซอรี่ด้วยการนำเสนอคอลเลคชั่นกระเป๋าและรองเท้าอันหรูหราที่รวบรวมองค์ประกอบต่างๆ ที่เป็น signature ของแบรนด์รวมไว้ด้วยกัน

เอกลักษณ์อันโดดเด่นในคอลเลคชั่นล่าสุดจากผลงานของโดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ เน้นส่วนของ accessories เป็นหลัก โดยเฉพาะกระเป๋าที่เป็น iconic ของแบรนด์ แบ่งเป็น 3 รุ่น ประกอบด้วย 1. Couture (กูตูร์) ที่ใช้ลายกรีกคีย์มาเป็นส่วนประกอบหลัก 2. Signature (ซิกเนเจอร์) ที่ได้นำโลโก้หัวเมดูซ่ามาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก 3.รุ่น Vanitas (วานิทัส) ที่ได้นำเอาส่วนประกอบหลักของแบรนด์เข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด รุ่นนี้จึงมีความโดดเด่นของทั้งโลโก้เมดูซ่าและลายกรีกคีย์ รวมถึงเทคนิคการปักแบบ Quilting ลาย Barocco ที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับคอลเลคชั่น Vanitas เป็นอย่างมาก

นอกจาก accessories แล้วทางร้านก็มีในส่วนของเสื้อผ้า ready to wear ด้วยเช่นกัน โดย Versace นำเสนอ silhouette ใหม่ๆให้กับเสื้อผ้าผู้หญิง เช่นนำเสื้อเชิ้ต oversize มาสวมใส่เป็นเดรส รวมไปถึงการนำวิธีการตัดเย็บเสื้อผ้า tailor ที่แทรกเทคนิคการตัดเย็บแบบ lingerie เข้าไป เช่นการเย็บลูกไม้ฉลุเข้ากับหนังเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ที่แข็งแกร่งให้กับผู้หญิงยุคใหม่ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิค laser-cut บนหนัง ผ้าไหมและผ้าคอตตอน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Memphis studio เพื่อสร้างมิติที่ดูน่าสนใจให้กับเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นมากขึ้น

Versace Mainline วางจัดจำหน่าย ณ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลชิดลม





จาก http://www.praew.com/fashion-news/content/4441/%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-versace#.UdPGjDu8Ci0
 
#531 · (Edited)
Dior Opening Store at Siam Paragon



New Dior Boutique At Siam Paragon

ดิออร์ เปิดประสบการณ์โลกแห่งโลกสุนทรียศาสตร์งานสร้างสรรค์เสื้อผ้าและเครื่องประดับของ ดิออร์ ผ่านการเปิดบูติคสาขาใหม่ ณ สยามพารากอนซึ่งมีพื้นที่กว่า 361 ตารางเมตร โดดเด่นตามแบบงานสถาปัตยกรรมอันหรูหราในสไตล์ฝรั่งเศส ที่ถ่ายทอดถึงความหรูหราและความร่วมสมัยไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับบูติคดิออร์ที่ตั้งอยู่บนถนน Montaigne ในกรุงปารีส




โดยภายในถูกแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนตามประเภทของสินค้า โอบล้อมด้วย พื้นบูติคสร้างสรรค์จากหินอ่อนนำเข้าชั้นเยี่ยม แกะสลักเป็นลาย Cannage สัญลักษณ์อันคุ้นตา เพิ่มความร่วมสมัยด้วยจอพลาสม่าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บริเวณตรงกลางด้านในของบูติค




เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณภายใน จะพบกับอาณาจักรเครื่องหนังประเภทกระเป๋ารุ่นต่างๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากช่างฝีมือของดิออร์ รวมถึงเครื่องประดับ ผ้าพันคอ แว่นกันแดดและนาฬิกา ที่ได้รับการจัดดิสเพลย์ท่ามกลางแสงไฟอันหรูหรา



ถัดมาติดกับบริเวณเครื่องหนังจะเป็นส่วนของห้องรองเท้าที่ถูกจัดวางอย่างสง่างามบนชั้นที่ออกแบบขึ้นมาดั่งงานศิลปะ เพิ่มความหรูหราด้วย ม่านเมทัลเชน ในแบบห้องเสื้อชั้นสูง (Haute Couture)




และหากได้เดินเข้าไปด้านในจะพบกับความวิจิตรงดงามของซาลงเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีจากคอลเลคชั่น Ready-to-wear รวมถึงชิ้นงานประเภท knitwear และชุดราตรีอันหรูหราจากรันเวย์ฤดูใบไม้ร่วง 2013 (Fall-winter 2013) ที่โดดเด่นด้วยความคลาสสิกผสมผสานเข้ากับความร่วมสมัยในแบบดิออร์ จากการสร้างสรรค์ของ Raf Simons ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ คนล่าสุด




ทั้งหมดนี้ได้ถ่ายทอดถึงเอกลักษณ์ของดิออร์ พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่านให้ได้สัมผัสเมื่อมาเยือนบูติคแห่งใหม่ ณ สยามพารากอน

จาก http://lofficielthailand.com/2013/07/new-dior-boutique-at-siam-paragon/
:cheers:
 
Top