'ไอเกีย'คว้าออร์เดอร์ 18,000 ล. ตลาดเฟอร์ฯเริ่มส่งสัญญาณบวก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2460 10 ก.ย. - 12 ก.ย. 2552
ไอเกีย วางเป้าขยายตลาดเอเชีย เล็ง 80 สาขา ภายใน 5 ปี ไทยติดหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ เอส.พี.เอส. ได้อานิสงส์คว้าสัญญาส่งสินค้าให้ 6 ปี มูลค่า 18,000 ล้าน เตรียมลงทุน 1,200 ล้าน ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ขณะที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์เริ่มส่งสัญญาณบวก หลังเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น คาดตัวเลขส่งออกโต 1-3%
นายกีรติ เสริมประภาศิลป์ ประธานบริหาร บริษัท เอส.พี.เอส.กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทว่า ได้เตรียมงบประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากได้เซ็นสัญญาการสั่งซื้อ จากศูนย์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ไอเกียสโตร์ (IKEA STORE) มูลค่า 18,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 ปี ซึ่งเป็นการขยายสัญญาเดิมจากที่ได้รับก่อนหน้ามูลค่า 15,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี
โดยแผนของไอเกียนั้นได้วางเป้าหมายภายในระยะเวลา 5 ปีจะขยายสาขาเพิ่มอีก 100 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 300 แห่งทั่วโลก ซึ่ง 80 สาขาจะขยายตลาดในเอเชียเป็นหลัก และประเทศไทยเองยังเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของไอเกียที่จะขยายตลาด ส่งผลให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
นายกีรติ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ล้านบาท และในระยะ 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักประมาณ 80% จะมาจากการส่งสินค้าให้กับไอเกีย แต่เพื่อให้ธุรกิจเกิดความสมดุลและไม่เสี่ยงมากเกินไป จึงวางแผนที่จะขยายตลาดในประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย อังกฤษ และกลุ่มประเทศยุโรป
"นโยบายเดิมจะขยายตลาดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไอเกียสัดส่วนประมาณ 25% แต่หากหมดสัญญากับไอเกียแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต่อสัญญากันหรือไม่ ทำให้บริษัทต้องหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาเสริมเพิ่มขึ้น และวางสัดส่วนของตลาดใหม่ให้ได้ 50% ด้วย ซึ่งบริษัททำธุรกิจกับไอเกียมาต่อเนื่องกว่า 20 ปีมาแล้ว ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากไอเกียมีอยู่ประมาณ 60% เป็นตลาดในประเทศ 10% และตลาดอื่นๆ ในส่วนที่เหลือ"
นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศมีความต้องการที่ลดลง 20-30% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่สำหรับตลาดในประเทศแล้วตลาดหดตัวลงกว่า 30-40% ส่วนในปีหน้าแนวโน้มจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องดูภาวะเศรษฐกิจโลกอีกครั้งหนึ่ง แต่ดูจากภาวะปัจจุบันก็เริ่มมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นแล้ว
ด้านนายไพบูลย์ พินิตกาญจนพันธุ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พิโคที อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงทิศทางธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ว่า ตลาดส่งออกได้กลับมาฟื้นตัวแล้วโดยเฉพาะตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเห็นจากคำสั่งซื้อสินค้าที่กลับเข้ามาจำนวนมาก คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะส่งผลให้ตลาดที่ชะลอตัวลงกลับมาเติบโตในอัตราประมาณ 1-3% ส่วนของบริษัทคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 10% หรือมีรายได้ 450 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 420 ล้านบาท
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว คาดว่าเป็นผลจากสต๊อกสินค้าเดิมเริ่มลดลง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อสำคัญเข้ามาเพิ่มจากหลายประเทศ ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และยุโรป คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายประเทศไทยจะมีมูลค่าส่งออกกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากครึ่งปีแรกยอดการส่งออกเติบโตในระดับทรงตัวและมียอดส่งออกกว่า 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ทั้งนี้ ช่วงกลางปีที่ผ่านมาบริษัท อิคาโน่ จำกัด (IKANO Pte.Ltd) ได้เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท เอส.พี.เอส. โกลเบิ้ลเทรด จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 2,500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นออกเป็น 49:49:2 เพื่อดำเนินการสร้างศูนย์การค้าเมกะ บางนา ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ รวมทั้งศูนย์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ไอเกียสโตร์ (IKEA STORE) แห่งแรก ซึ่งนับเป็นศูนย์เฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.9 ตัดถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งนับเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์การรุกตลาดของไอเกียด้วย