Prachinburi | Kingdom of Dvaravati

เพลิงไหม้ศาลากลางปราจีนบุรี คาดไฟฟ้าลัดวงจร

Thairath 18/08/2009


เกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ที่บริเวณชั้นล่าง ห้อง สนง.สถิติ พบคอมพ์ เอกสาร โต๊ะ เก้าอี้ถูกไฟไหม้จำนวนมาก เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจร ...

วานนี้ (17ส.ค.) เมื่อเวลา 19.30 น. ร.ต.ท.ประสบชัย คำปิตะ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ที่ศาลากลางจังหวัด ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จังหวัดปราจีนบุรี หลังรับแจ้งได้รายงานให้ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าฯปราจีนบุรี พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีทราบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่บริเวณชั้นล่างของตัวอาคารทางมุขด้านซ้าย เป็นห้องสำนักงานสถิติจังหวัดปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงประสานเจ้าหน้าที่จาก อบต. ไม้เค็ด และ อบต.ดงพระราม นำรถดับเพลิง จำนวน 2 คัน มาช่วยทำการดับไฟ และช่วยกันทุบกระจกหน้าต่างด้านข้าง พร้อมฉีดน้ำดับเพลิง ซึ่งใช้เวลานานประมาณ 25 นาที จึงสามารถสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ไว้ได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยาการ เขต 14 ปราจีนบุรี ได้เข้าไปตรวจสอบ ภายในห้องสำนักงานที่ถูกเพลิงไหม้ พบว่า ภายในห้อง มีเอกสารทางราชการ เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมโต๊ะเก้าอี้ ถูกเพลิงไหม้เป็นจำนวนมาก คิดมูลค่าประมาณ 500,000 บาท ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า เกิดจากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งรายละเอียดที่แน่ชัดต้องรอการพิสูจน์หลักฐานต่อไป

บูรณะจวน 'อภัยภูเบศร' อนุสรณ์สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

Posttoday วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552


แม้ปัญหาเขตแดนที่ทับซ้อนกัน โดยเฉพาะด้านปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารกันระหว่างไทยและกัมพูชา แต่ความพยายามหาทางออก โดยกระบวนการเจรจาทวิภาคีในระดับต่างๆ ก็ดำเนินไป ไม่เพียงแต่การดำเนินการในระดับรัฐต่อรัฐเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีความพยายามสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันในระดับประชาชนต่อประชาชนอีกด้วย

นายปกศักดิ์ นิลอุบล นายกสมาคมวัฒนธรรมไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ประชาชนยังมีการติดต่อไปมาหากันจำนวนมาก เสมือนพี่น้องซึ่งไม่อาจแยกจากกันได้

และเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองแผ่นดินให้กระชับแน่นแฟ้น เพื่อมิให้ความขัดแย้งในเรื่องเขตแดนลุกลามบานปลาย เมื่อไม่นานมานี้ นายปกศักดิ์ได้นำคณะเดินทางไปยังจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เพื่อ มอบเงินจำนวน 1,069,000 บาท ให้กับนายปราชญ์จัน ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง บูรณะจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบองหลังเก่า ซึ่งในอดีตเคยเป็นจวนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองคนสุดท้าย ซึ่งมาจากตระกูลอภัยวงศ์

จวนดังกล่าวสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2448 เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก และแม้ภายหลังไทยเสียดินแดนจังหวัดพระตะบองให้แก่ฝรั่งเศสในปีพ.ศ. 2450 และเจ้าพระยาอภัยภูเบศรย้ายกลับมายัง จ.ปราจีนบุรี ก็ได้นำแบบของอาคารดังกล่าวมาสร้างขึ้นใหม่ที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งในปัจจุบันได้เป็นส่วนหนึ่งของศาลาว่าการจังหวัดปราจีนบุรี

เวลาที่ล่วงผ่านมากว่า 100 ปี อาคารจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง ในปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรมมาก และในปีพ.ศ. 2549 ผู้แทนสมาคมวัฒนธรรมไทย-กัมพูชา ได้เดินทางไปตรวจชมสภาพ และได้พบหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง เรื่องการบูรณะซ่อมแซม ต่อมากระทรวงการต่างประเทศขอความอนุเคราะห์กระทรวงวัฒนธรรม จัดส่ง ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบสภาพอาคารดังกล่าว

แม้จะมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและกัมพูชา แต่ปัญหาความขัดแย้งเขตแดนในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้การซ่อมแซมอาคารดังกล่าวชะลอออกไป แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นว่าจำเป็นเร่งด่วนที่จะซ่อมแซมหลังคาอาคารเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีรอยรั่วทำให้น้ำฝนซึมลงมาจนสร้างความเสียหายให้กับอาคารภายใน และการประสานงานก็ลุล่วง กระทั่งนายปกศักดิ์ ในฐานะนายกสมาคมวัฒนธรรมไทย-กัมพูชา นำเงินดังกล่าวไปมอบให้เพื่อใช้ในการซ่อมแซมหลังคา

“หลังเจ้าพระยาอภัยภูเบศรกลับไป จ.ปราจีนบุรี ก็สร้างจวนเลียนแบบจวนเก่าที่นี่ แสดงถึงสายใยความผูกพันปราจีนบุรีและพระตะบอง เราจะพัฒนาความร่วมมือให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นให้เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ผมในฐานะนายกสมาคมวัฒนธรรม ที่จะสร้างความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน ซึ่งในปีพ.ศ. 2553 จะเป็นวาระครบ 60 ปี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เราจะหาทางผลักดันการร่วมมือกันในทุกด้านให้มากขึ้น” นายปกศักดิ์ กล่าว

กิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ดังกล่าว ได้รับการตอบรับอย่างดีจากฝ่ายกัมพูชา นางเซมมารี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง กล่าวขอบคุณถึงน้ำใจที่ฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือ และเชื่อมั่นว่าในอนาคตการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ในระดับท้องถิ่นระหว่างพระตะบองและ จ.ปราจีนบุรี จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“พระตะบองเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของกัมพูชา เป็นศูนย์กลางเชื่อมการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดเสียมราฐ และไพลิน ปัจจุบันการท่องเที่ยวขยายตัวมาก ในอนาคตเราคิดว่าการท่องเที่ยวจะเป็นความร่วมมือที่ดีต่อกัน”

ไม่เพียงแต่ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่ความผูกพันระหว่างไทยและกัมพูชานั้นมีมาตลอดประวัติศาสตร์ ปัญหาเขตแดนที่เป็นข้อขัดแย้งระหว่างกัน แม้จะยังมิอาจหาข้อยุติได้ แต่ความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนบ้านพี่เมืองน้องทั้งสองแผ่นดิน จะต้องได้รับการผูกมิตรกระชับให้แน่นแฟ้นขึ้น เพื่อมิให้ความขัดแย้งบานปลายออกไป

เที่ยวปราจีนบุรี หัวใจสีเขียว

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:56:47 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


จุดชมวิว อ่างเก็บน้ำมอสิงโต (กม.37)
เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วคือไร่พริกของชาวบ้าน ชื่อว่าหมู่บ้านบุขนุน ต่อมากองทัพอากาศใช้เป็นที่ทำการชั่วคราวเพื่อเตรียมสร้างสถานีเรดาร์ ที่นี่มีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดียิ่ง



ผาเดียวดาย หรือจุดชมทิวทัศน์เขาเขียว
เช้าตรู่จะเป็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงกลมสีแดงเหนือสันเขาร่มที่สวยงาม จุดชมทิวทัศน์ผาเดียวดายอยู่บริเวณ กม.ที่ 9 ตลอดทางจะผ่านป่าดิบเขาชุ่มชื้น มีอากาศเย็นตลอดปี



ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ใครที่จะเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มักจะแวะมากราบไหว้ขอพรอยู่เสมอให้เดินทางราบรื่นลปอดภัย



น้ำตกเหวนรก
น้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดของอุทยานฯ มีทั้งหมด 3 ชั้น สายน้ำที่ไหลสู่หุบเหวเบื้องล่างเป็นมุม 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร



น้ำตกเหวสุทัต
สายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธารเหมาะที่จะเล่นน้ำเป็นที่สุด แต่สำหรับฤดูฝนน้ำเย็นจัด มีน้ำมากและไหลแรง



เส้นทางศึกษาธรรมชาติ น้ำตกผากล้วย-น้ำตกเหวสุวัต
ออกกำลังกายแบบย่อยๆ ด้วยระยะทาง 3 กิโลเมตร เดินทางเลียบริมห้วยดูเห็ดและดอกไม้เล็กๆ มากมายริมทาง อาจได้พบสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ริมน้ำ เช่น ตะกอง นาก



เส้นทางที่ 1 เส้นทางมรดกโลก เขาใหญ่
หากได้มาสัมผัสกับดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าผ่นป่าดงพญาเย็น ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศ และเป็นปบฒบทแห่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีความสมบูรณ์ทั้งพรรณไม้ และสัตว์ป่าหายากนานาชนิด จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากเขาใหญ่ ผืนป่าพงไพรของคนหัวใจสีเขียว



โปรแกรมเที่ยวปราจีนบุรี
วันแรกขึ้นเขาใหญ่ทางด่านปราจีน/ติดต่อเต๊นท์ที่ลานกางเต๊นท์ลำตะคอง/เดินศึกษาธรรมชาติเส้นทาง ผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (เป็นเส้นทางง่ายๆ ไม่อันตราย)/ ไปดูน้ำตกเหวสุวัต/กินข้าวกลางวันที่ร้านค้าอุทยานผากล้วยไม้/ไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่ทางขึ้นด่านปากช่อง/ชมวิวที่จุดชมวิว กม.ที่ 9/แวะดูนิทรรศการที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว/ไปอ่างเก็บน้ำสายศร/กินข้าวเย็นกลับมานั่งดูดาวหน้าเต๊นท์ก่อนนอน


วันที่สองทานอาหารเช้าแล้วเก็บเต๊นท์/ขึ้นจุดชมวิวเขาเขียว ที่ผาเดียวดาย/ชมน้ำตกเหวนรก/ซื้อของที่ระลึกก่อนกลับลงจากเขาใหญ่


วันที่สาม ก่อนเข้าตัวเมืองปราจีนบุรี ชมวัดแก้วพิจิตร/แวะนวดคลายเมื่อยที่ ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ชมตึกเก่า เรียนรู้เรื่องราวแพทย์แผนไทย/เดินทางไปบ้านดงบัง ดูการผลิตสมุนไพรของชาวบ้าน/แวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ชมตะเกียงนับล้านดวงและของเก่าเก็บ/ซื้อผลไม้ ผักสดๆ ที่ตลาดหนองชะอมให้หนำใจแล้วค่อยกลับกรุงเทพฯ



เส้นทางที่ 2 เส้นทางสุขภาพดี
เปิดตาไปกับสีเขียวๆ ของพรรณไม้ มาสัมผัสศาสตร์แห่งการแพทย์แผนไทย และบทเรียนชีวิตของชาวบ้านที่แสวงหาเกษตรกรรมยั่งยืนและท้ายสุดก็ค้นพบคำตอบที่แท้จริงที่บ้านดงบัง


รู้ก่อนเที่ยว
- ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตั้งอยู่บริเวณ ก.ม.39 ถ.ธนะรัชต์ เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ดีที่สุด
- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรน. 086-092-6529 / 084-347-3573
- วัดแก้วพิจิตร เปิดเวลา 08.30-17.00 น. โทร. 081-481-1740 / 086-831-2412 / 037-212-795
- ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ เปิดทุกวัน 08.30-20.30 น. โทร.037-211-088 หรือ www.abhaiherb.com
- กลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง โทร.087-087-5039 / 089-269-2643 / 087-600-8842
- พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 037-465-300 / 037-465-333
- ร้านบ้านศิลา ริมทางหลวงนครนายก-ปราจีนบุรี เสิร์ฟกาแฟสด สเต็ก และมีผลิตภัณฑ์จัดสวนจำหน่าย โทร. 037-405-200 / 037-570-639 / 037-405-200 www.baansila.com



วัดแก้วพิจิตร
มีสถาปัตยกรรมหลากเชื้อชาติผสมระหว่างไทย จีน ยุโรป และเขมร ภายในและนอกพระอุโบสถได้ซุกซ่อนปริศนาธรรมไว้มากมาย ผ่านภาพวาดบนผืนผ้าและลวดลาย ปูนปั้น ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวเมืองปราจีนบุรี



ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
ตึกสีเหลืองโดดเด่นสองชั้นแบบยุโรปสมัยเรอเนสซองซ์ ภายในจัดแสดงนิทรรศการการแพทย์สมัยก่อน รวมทั้งเรื่องราวของสมุนไพรไทย



พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์
พิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมตะเกียงมากที่สุดในประเทศไทยและของสะสมมากมายที่เกิดจากความตั้งใจของชายคนหนึ่ง ซึ่งอยากเก็บรักษาเรื่องราวในอดีตผ่านข้าวของนับหมื่นชิ้น



หมู่บ้านดงบัง
หมู่บ้านโอทอปขื่อดังผลิตสมุนไพรไทยแบบเกษตรอินทรีย์ที่คอยป้อนวัตถุดิบให้ ร.พ.อภัยภูเบศรถ้ามาเป็นหมู่คณะ ชาวบ้านจะจัดเตรียมข้าวปลาอาหารต้อนรับ จะได้ชิมยำผักกระสังอาหารขึ้นชื่อของบ้านดงบัง



พระธาตุวัดแจ้ง
อาจไม่ได้เป็นที่ท่องเที่ยวยอดฮิต แต่เข้าไปแล้วก็ต้องทึ่งกับองค์พระธาตุที่วางอยู่กลางน้ำ



ตลาดหนองชะอม
ตั้งอยู่บริเวณสามแยกหนองชะอม ที่มีมีทั้งผลไม้ตามฤดูกาล ทุเรียน แก้วมังกร เงาะ ลองกอง มังคุด ฯลฯ และผักสดๆ ทำให้เห็นว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์ขนาดไหน



ร้านบ้านศิลา
เมื่อเข้าสู่จังหวัดปราจีนบุรีทางซ้ายมือจะเห็นร้านบ้านศิลาและจิบกาแฟกลางสวนสวย มีบริการเสต็กและอาหารตามสั่ง
รื่นรมย์ในปราจีนบุรีและสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้คือหัวใจที่เต็มอิ่มไปด้วยความสุขที่อยากบอกเล่าให้ใครฟังก็คงไม่ซาบซึ้งเท่ากับชวนให้มาสัมผัสประสบการณ์มหัศจรรย์ด้วยตัวเอง



ค่าใช้จ่ายตลอดทริป/คน (ไม่รวมค่าเดินทาง)
-ค่าอาหารเช้า 32 บาท
-ค่าอาหารกลางวันก่อนขึ้นเขาใหญ่ 72 บาท
-ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ 40 บาท
-ค่าเต๊นท์สำหรับ 2 คน 150 บาท/คน และ 75 บาท
-ค่าอุปกรณ์การนอน หมอน มุ้ง ผ้าห่มชุดละ 200 บาท
-อาหารเย็นที่อุทยานฯ 42 บาท
-อาหารเช้าที่อุทยานฯ 30 บาท
-ซื้อของที่ระลึกจากเขาใหญ่ 60 บาท
-อาหารที่บ้านศิลา 165 บาท
-ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ 80 บาท
-ซื้อผลไม้ที่ตลาดหนองชะอม 80 บาท
รวม 876 บาท



ที่พักปราจีนบุรี
โรงแรมวังสำราญ
219 หมู่ 10 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี 25140
โทร. 037-466-222-30
แฟกซ์ 037-466-231
www.saksupha.net
อีเมล์ [email protected]
Low season Superior double twin 1,800 บาท



สวนศักดิ์สุภา รีสอร์ท
28 หมู่ 4 ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
โทร. 037-451-211, 081-454-0076
www.saksupha.net
อีเมล [email protected]
ห้องพักราคา 1,600-1,650 บาท รวมแพคเกจกิจกรรมสำหรับ 1 ท่าน



ธารณี รีสอร์ท
225 หมู่ 3 ถ.304 อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
โทร. 083-033-3476
www.tharanee-resort.com
อีเมล [email protected]
แพคเกจท่านละ 1,599 บาท รวมกิจกรรม

*โปรดตรวจสอบรายละเอียด และสำรองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทาง

วันนี้(27 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ กรรณิกา โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.อนุมัติโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยการสร้างเขื่อนหัวงาน ชนิดเขื่อนดิน ความสูง 33 เมตร ยาว 3,970 เมตร และทำนบดินเปิดช่องเขาต่ำจำนวน 2 แห่ง อ่างเก็บน้ำมีความจุ 295ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมระบบส่งน้ำและระบายน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 111,300 ไร่ วงเงินงบประมาณ 3,800 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ระยะเวลาดำเนินการ 9 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2561 พร้อมทั้งให้กรมชลประทานสามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษทดแทนการจัดสรรที่ดินแปลง อพยพในกรณีที่กรมชลประทานไม่สามารถจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้ รับผลกระทบหรือราษฎรไม่ประสงค์จะรับที่ดินแปลงอพยพ โครงการดังกล่าวได้ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสร็จสิ้นเมื่อปี 2546 และกรมชลประทานได้ดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทธยานแห่งชาติปางสีดาเพื่อก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้กรมชลประทานติดตามรายงานสถานการณ์รายงานเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเป็นภาวะอันตรายต่อมรดกโลก โดยที่ดินอ่างเก็บน้ำจำนวน 15,000 ไร่ ได้ดำเนินการสำรวจปักปันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนระบบส่งน้ำและระบายน้ำจำนวน 5,500 ไร่ กรมชลประทานจะดำเนินการจัดหาที่ดินต่อไป.

วันอังคาร ที่ 27 ตุลาคม 2552 เวลา 18:00 น เดลินิวส์ออนไลน์