ปีหน้า 'เฟรเกรนท์'ขึ้น 2 โครงการ 5พันล้าน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,583 14-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
"เฟรเกรนท์" เดินหน้าขึ้น 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้าน ปีหน้า พร้อมสร้างการเติบโตปีละ 30% ปูทางหวังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 2-3 ปี เล็งเพิ่มทุนจดทะเบียนรอบ 2 เป็น 1,000 ล้าน
นายเจมส์ ดูอัน ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท เฟรเกรนท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปีหน้าว่า บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งได้วางแผนการเติบโตด้านยอดขายและรายได้ในแต่ละปีไว้ไม่ต่ำกว่า 30% โดยแต่ละปีจะต้องพัฒนาโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 โครงการ และปีหน้าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่ามีรายได้ 1,000 ล้านบาท
โดยแผนการพัฒนาโครงการในปีหน้า ประกอบด้วย 1 โครงการเซอร์เคิล ลิฟวิ่ง โปรโตไทพ์ (Circle Living Prototype) มูลค่า 3,500 ล้านบาท อยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ บนถนนเพชรบุรี เป็นอาคารสูง 52 ชั้น ราคาขายเฉลี่ยตารางเมตรละ 1 แสนบาท ราคาขายเริ่มต้นยูนิตละ 3-4 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ส่วนอีก 1 โครงการจะพัฒนาแถวถนนสุขุมวิทช่วงอโศก-เพลินจิต เป็นอาคารสูง 20-25 ชั้น มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน โดยทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท
นายเจมส์ กล่าวว่า การที่บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในปีหน้า 30% และปีต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะวางแผนไว้ว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ของเดอะเซอร์เคิลให้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า ขณะเดียวกันในปีหน้ายังจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 200 ล้านบาท รวมเป็น 1,000 ล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว 800 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่มีทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท
"การเข้าตลาดเพื่อความมั่นคงขององค์กร และการสร้างแบรนด์ของบริษัท ส่วนเรื่องเงินทุนนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากได้มาก็ดี ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฐานของภูมิภาคอาเซียน ในการที่จะไปลงทุนต่อในประเทศอื่นๆ เพราะการที่บริษัทจะยั่งยืนได้ต้องไม่อยู่เฉพาะแต่ประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น จะได้มีการบาลานซ์ความเสี่ยงธุรกิจได้" นายเจมส์ กล่าวและว่า
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ช่วงปลายปีผู้ประกอบการหลายรายเร่งนำโครงการออกขายกระตุ้นตลาด ทำให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ยอดโอนโครงการเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 200,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 140,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดคอนโดฯประมาณ 48% ที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
สำหรับปัญหาภาวะฟองสบู่ที่นักวิชาการและธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณเตือนว่าจะเกิดขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ได้นั้น เชื่อว่าหากเกิดขึ้นจริงจะไม่กระทบต่อตลาดทั้งระบบ แต่อาจจะเกิดขึ้นกับบริษัทที่ไม่แข็งแกร่ง ซึ่งทางรอดจะต้องมีแผนรองรับที่ดี มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แผนการขายและการตลาดที่ดีด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,583 14-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
"เฟรเกรนท์" เดินหน้าขึ้น 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้าน ปีหน้า พร้อมสร้างการเติบโตปีละ 30% ปูทางหวังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 2-3 ปี เล็งเพิ่มทุนจดทะเบียนรอบ 2 เป็น 1,000 ล้าน
นายเจมส์ ดูอัน ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท เฟรเกรนท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปีหน้าว่า บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งได้วางแผนการเติบโตด้านยอดขายและรายได้ในแต่ละปีไว้ไม่ต่ำกว่า 30% โดยแต่ละปีจะต้องพัฒนาโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 โครงการ และปีหน้าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่ามีรายได้ 1,000 ล้านบาท
โดยแผนการพัฒนาโครงการในปีหน้า ประกอบด้วย 1 โครงการเซอร์เคิล ลิฟวิ่ง โปรโตไทพ์ (Circle Living Prototype) มูลค่า 3,500 ล้านบาท อยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่ บนถนนเพชรบุรี เป็นอาคารสูง 52 ชั้น ราคาขายเฉลี่ยตารางเมตรละ 1 แสนบาท ราคาขายเริ่มต้นยูนิตละ 3-4 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ส่วนอีก 1 โครงการจะพัฒนาแถวถนนสุขุมวิทช่วงอโศก-เพลินจิต เป็นอาคารสูง 20-25 ชั้น มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน โดยทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท
นายเจมส์ กล่าวว่า การที่บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในปีหน้า 30% และปีต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะวางแผนไว้ว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ของเดอะเซอร์เคิลให้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า ขณะเดียวกันในปีหน้ายังจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 200 ล้านบาท รวมเป็น 1,000 ล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว 800 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่มีทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท
"การเข้าตลาดเพื่อความมั่นคงขององค์กร และการสร้างแบรนด์ของบริษัท ส่วนเรื่องเงินทุนนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากได้มาก็ดี ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฐานของภูมิภาคอาเซียน ในการที่จะไปลงทุนต่อในประเทศอื่นๆ เพราะการที่บริษัทจะยั่งยืนได้ต้องไม่อยู่เฉพาะแต่ประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น จะได้มีการบาลานซ์ความเสี่ยงธุรกิจได้" นายเจมส์ กล่าวและว่า
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ช่วงปลายปีผู้ประกอบการหลายรายเร่งนำโครงการออกขายกระตุ้นตลาด ทำให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ยอดโอนโครงการเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 200,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 140,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดคอนโดฯประมาณ 48% ที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
สำหรับปัญหาภาวะฟองสบู่ที่นักวิชาการและธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณเตือนว่าจะเกิดขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ได้นั้น เชื่อว่าหากเกิดขึ้นจริงจะไม่กระทบต่อตลาดทั้งระบบ แต่อาจจะเกิดขึ้นกับบริษัทที่ไม่แข็งแกร่ง ซึ่งทางรอดจะต้องมีแผนรองรับที่ดี มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แผนการขายและการตลาดที่ดีด้วย