SkyscraperCity Forum banner

Rayong Light Rail Transit (Red Line)

8.6K views 20 replies 5 participants last post by  Wisarut  
#1 · (Edited)
 
#3 ·
ฟังเสียงชาวระยองครั้งสุดท้ายสร้าง"ระบบขนส่ง"

20 ธ.ค.ฟังความเห็นประชาชนระยองครั้งสุดท้าย สร้างระบบขนส่งสาธารณะ ศึกษาไว้ 3
แนวทาง 3 ระบบ ได้แก่ 1.รถไฟฟ้ารางเบาบนดิน 2.รถไฟฟ้าล้อยาง และ 3.รถชัตเติ้บบัส
ระบบรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือบีอาร์ที (BRT)

จันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2560 เวลา 17.33 น.

ผศ.ดร.ศักรธร บุญทวียุวัฒน์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
คณะวิศวกรรมศาสตร์ศรีราชามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี
ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนา
(ทีโอดี) ในเขตเทศบาลนครระยอง เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ธ.ค.60
จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขนส่งมวลชนระยองและการพัฒนาพื้นที่ รอบสถานีขนส่งมวลชน
เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นครั้งสุดท้าย ที่โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ จ.ระยอง
ในการประชุมวันดังกล่าวที่ปรึกษาโครงการนำเสนอผลการศึกษา อาทิ โครงข่ายแนวเส้นทาง
ระยะทาง จำนวนสถานี สถานที่ตั้งตำแหน่งสถานี ที่ได้พิจารณา 3 ถนนสายหลัก
อ.เมืองระยอง ประกอบด้วย 1.ถนนสุขุมวิท 2.ถนนสาย 36 และถนนตากสินมหาราช
รวมทั้งประเภทระบบขนส่งสาธารณะที่นำมาใช้ โดยได้มีการศึกษา 3 ระบบ ได้แก่
1.รถไฟฟ้ารางเบาบนดิน 2.รถไฟฟ้าล้อยาง และ 3.รถชัตเติ้บบัส
ระบบรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือบีอาร์ที (BRT)



ผศ.ดร.ศักรธร กล่าวต่อว่า ตลอดจนการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของระบบขนส่งสาธารณะ
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจให้มีความเหมาะสมกับเมืองระยองมากที่สุด เช่น
หากใช้รถไฟฟ้ารางเบา ปัจจุบัน อ.เมืองระยอง
เริ่มมีปัญหาการจราจรที่หนาแน่นโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ความเร็วรถเฉลี่ยที่ 20
กม. ต่อ ชม. หากนำระบบช่วยแก้ไขปัญหาได้ แต่มีการลงทุนสูง
และอาจไม่คุ้มค่าหากรัฐบาลไม่ให้การสนับสนุน
ขณะเดียวกันระยะแรกอาจจะเริ่มพิจารณาลงทุนกับรถชัตเติ้ลบัสบีอาร์ทีก่อน
เพื่อประเมินผล จากนั้นหากได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีปริมาณผู้ใช้บริการมากขึ้น
ค่อยขยับไปสู่การลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาต่อไป รวมทั้งระยะเวลาในการดำเนินการ
โครงการและวงเงินในการลงทุนระบบขนส่งแต่ละประเภท
เพื่อนำข้อแสดงความคิดเห็นจากการับฟังครั้งนี้ไปสู่การพิจารณาพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในี
จ.ระยองต่อไป

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย
จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ มก. เป็นผู้ศึกษา
โดยได้รับการมีส่วนร่วมจากเทศบาล จ.ระยอง ใช้เวลาศึกษา 1 ปี ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31
ธ.ค.60

https://www.dailynews.co.th/economic/616660
 
#4 ·
ระยองอยากได้รถรางไฟฟ้า สายสีแดง ห้วยโป่ง-ไออาร์พีซี

ชาวระยองอยากได้รถรางไฟฟ้า สายสีแดง เส้นทางสถานีห้วยโป่ง-ไออาร์พีซี 23 กม. 18
สถานี ลงทุน 17,000 ล้านบาท ชี้สะดวก ตรงต่อเวลา เหมาะแก้รถติดเมืองระยองและทันสมัย

ศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560 เวลา 09.36 น.


ผศ.ดร.ศักรธร บุญทวียุวัฒน์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
คณะวิศวกรรมศาสตร์ศรีราชมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี
ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน(ทีโอดี)
ในเขตเทศบาลนครระยอง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายโดยนำเสนอผลการศึกษาระบบขนส่งมวลชนระยองน
3 รูปแบบ ประกอบด้วย1.รถรางไฟฟ้า (LRT)
โครงข่ายสายสีแดงเส้นทางสถานีห้วยโป่ง-ไออาร์พีซี ระยะทาง 23 กม. 18 สถานี ได้แก่
R1 ห้วยโป่ง, R2 สถานีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, R3 สถานีมาบตาพุด, R4
สถานีศูนย์ราชการเนินสาลี, R5 สถานีวัดโขดหิน, R6 สถานีแยกขนส่งใหม่, R7
สถานีกรอกยายชา, R8 สถานีเพลินใจ, R9 โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง, R10 สถานีหนองสนม,
R11 สถานีแหลมทอง พลาซ่า, R12 สถานีแยกออคิด, R13สถานีโลตัส (ศูนย์การค้าสตาร์),
R14 โรงพยาบาลระยอง, R15 สถานีเพลินตา, R16 สถานีสองพี่น้อง, R17 สถานีคลองคา และ
R18 สถานี ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย

ผศ.ดร.ศักรธร กล่าวต่อว่า ใช้แนวเส้นทางเกาะกลางถนนสุขุมวิทตลอดสาย เงินลงทุน
17,000 ล้านบาท มี 8 ขบวน 1 ขบวนบรรจุผู้โดยสาร 300 คน ค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาท
ต่อไปคิด 1.8 บาท ต่อกม. หรือจากต้นทาง-ปลายทาง 15-56 บาท ก่อสร้าง 3 ปี 62-64
เปิดให้บริการปี 65 โดยเสนอก่อสร้างจุดจอดและจร 3 สถานี ได้แก่ สถานีห้วยโป่ง
สถานีไออาร์พีซี และสถานีเทศบันเทิง เพื่อขอพื้นที่เทศบาลนครระยอง

ผศ.ดร.ศักรธร กล่าวอีกว่า 2.รถไฟฟ้าล้อยาง (Trolley Bus) โครงข่ายสายสีแดง
สถานีห้วยโป่ง-ไออาร์พีซี ระยะทาง 23 กม.
วิ่งบนถนนสุขุมวิทตลอดแนวเส้นทางใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท จัดซื้อรถไฟฟ้าล้อยาง
12 คัน คันละ 16 ล้านบาท โดยมีค่าก่อสร้างระบบไฟฟ้า 1,000 ล้านบาท และ
3.รถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (ชัตเติ้ลบัส) แบบเส้นทางเฉพาะ (Exclusive Lane)
โครงข่ายสายสีแดง สถานีห้วยโป่ง-ไออาร์พีซี 23 กม. วิ่งถนนสุขุมวิทตลอดสาย
ใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท ซื้อรถ 12 คัน คันละ 16 ล้านบาท
แต่ไม่มีค่าใชhจ่ายระบบไฟฟ้า สามารถดำเนินการได้ทันที



ผศ.ดร.ศักรธร กล่าวด้วยว่า
โดยผลการศึกษาได้ระบุสายสีแดงสามารถใช้ระบบรถรางไฟฟ้ามาปฏิบัติการได้
เนื่องจากมีความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง
จากปกติหากเดินทางด้วยรถยนต์ในชั่วโมงเร่งด่วนจากจุดต้นทาง-จุดหมายปลายทางจะใช้เวลาการเดินทางประมาณอ
70 นาที ขณะเดียวกันหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้ารางเบาจะใช้เวลาประมาณ 40
นาทีถึงจุดหมายหมายปลายทาง
ซึ่งได้รวมระยะเวลาการหยุดจอดรับ/ส่งผู้โดยสารในแต่ละสถานีเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้ 30 นาที
นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนด้วย
แต่การลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาด้านการเงินจะขาดทุน ซึ่งถ้าหากรัฐบาลช่วยสนับสนุนบางส่วน
เช่น ที่ดินที่อยู่ตามแนวเส้นทางทำให้โครงการดังกล่าวสามารถลงทุนได้

นอกจากนี้ได้เสนอนำระบบชัตเติ้ลบัสเป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองโครงข่ายสายสีเหลือง
เส้นทางแยกขนส่งใหม่-สถานีโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง 13 กม. 14 สถานี ได้แก่ Y1
สถานีแยกขนส่งใหม่, Y2 สถานีขนส่ง 2, Y3 สถานีโกลบอลเฮ้าส์,Y4 สถานีทับมา, Y5
สถานีศูนย์ฮอนด้า, Y6 สถานีเซ็นทรัล, Y7 สถานีจันทอุดม, Y8 สถานีโรงพยาบาลระยอง, Y9
สถานีเทศบันเทิง, Y10 สถานีวัดลุ่ม, Y11 สถานีอนุบาลระยอง, Y12 สถานีระยองวิทย์,
Y13 สถานีก้นปึก และ Y14 สถานีโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง วิ่งบนถนนสายรอง เช่น
ถนนตากสินมหาราช ใช้วงเงินลงทุน 500 กว่าล้านบาท จัดซื้อรถ 12 คัน คันละ 12 ล้านบาท
รูปแบบการเดินรถวิ่งแชร์เลนร่วมกับรถประเภทอื่น ต้องขอความร่วมมือตำรวจจราจร เช่น
ห้ามจอดรถตามไหล่ทางโดยเฉพาะถนนตากสินมหาราชที่ประชาชนนำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดข้างทางจำนวนมาก

ผศ.ดร.ศักรธร กล่าวต่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยให้มีระบบขนส่งมวลชนในจังหวัด
และอยากให้สร้างรถรางไฟฟ้ามากกว่าเพราะสะดวก ตรงต่อเวลา ทำความเร็วได้ 40
กม.ต่อชม.เหมาะกับสภาพจราจรในเมืองระยองที่เริ่มติดขัดในชม. เร่งด่วน
ใช้ความเร็วได้แค่ 20 กม.ต่อชม.และเป็นระบบที่ทันสมัย รองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก
แต่บางส่วนมีข้อเสนอว่าจำนวนสถานีใกล้กันเกินไปควรตัดออก หรือลดจำนวนสถานี
หรือบางสถานีบนเชิงเนินเขา เช่นสถานีสองพี่น้อง และสถานีคลองคา
พื้นที่เทศบาลตำบลเชิงเนินควรจัดรับฟังความคิดเห็นให้ครอบคลุมด้วย
รวมทั้งต้องการให้แนวเส้นทางขยายไปยังโครงการอื่นๆ ที่ระยองกำลังดำเนินการ อาทิ
โครงการเมืองใหม่อัจฉริยะ(สมาร์ทซิตี้) บ้านฉาง จ.ระยอง
เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

ทั้งนี้จะสรุปผลเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ และคาดว่ามี.ค. 61
จะนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ผู้ให้ทุนวิจัยโครงการนำเสนอเทศบาลนครระยองเสนอผู้บริหารจังหวัดผลักดันต่อไป

https://www.dailynews.co.th/economic/617386
 
#5 ·
ระบบขนส่งมวลชนเมืองระยอง เชื่อมไฮสปีดเทรนกระตุ้นศก.แหล่งท่องเที่ยว


28 December 2017

เปิดรับฟังความเห็นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดระยองและการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยนำเสนอทั้ง 2 ระยะคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนไม่น้อยกว่า 8,000ล้านบาทให้ประชาชนนำเสนอความเห็น

โครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดระยองในครั้งนี้จะเน้นการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนหลักอย่างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ท่าเรือมาบตาพุด ซึ่งยังไม่ถึงตัวเมืองระยองเหลือราว 30-40 กิโลเมตร แม้ ว่ารัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมจะมีแผนก่อสร้างไปถึงจังหวัดตราดก็ตามแต่ยังจัดอยู่ในแผนระยะต่อไปซึ่งไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่เนื่องจากจะต้องรองบประมาณการลงทุนในส่วนต่อขยายและผลการศึกษาด้านความคุ้มค่าของโครงการในเฟสแรกมาประกอบการพิจารณาด้วย


ดังนั้นจังหวัดระยองจึงได้ขอรับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยบูรพาและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินการศึกษาแนวเส้นทาง ความเป็นไปได้ในการลงทุนเพื่อนำเสนอเทศบาลเมืองระยอง ตลอดจนคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันต่อไป โดยได้รับงบประมาณกว่า 3.6 ล้านบาทจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปดำเนินการ

โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดระยอง แบ่งออกเป็น 2 ระยะดำเนินการ โดยแนวเส้นทางแรกจะอยู่บนถนนสุขุมวิท เริ่มต้นจากพื้นที่คลังนํ้ามันพีทีที (PTT) ผ่านตลาดมาบตาพุด ผ่านสถานีขนส่ง ผ่านย่านแหลมทอง ผ่านโรงเรียนระยองวิทย์ ผ่านโรงพยาบาลระยอง ผ่านโรงเรียนมัธยมระยอง ผ่านบ้านล่าง ไปสิ้นสุดที่บริษัทปูนไออาร์พีซี ระยะทางรวมกว่า 20 กิโลเมตร โดยเส้นทางระยะที่ 1จะเป็นเส้นเมนหลัก ส่วนระยะที่ 2 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรจะเน้นเป็นเส้นทางรองในการเชื่อมโยงให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ให้สามารถเชื่อมโยงถึงสนามบินอู่ตะเภาและแหล่งท่องเที่ยวบ้านเพ เกาะเสม็ด ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะใช้รถบัสไฟฟ้าให้บริการแต่ในอนาคต แผนระยะ 10-20 ปีจะนำรถไฟฟ้ารางเบาเข้าไปให้บริการแทน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,325 วันที่ 24 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

http://www.thansettakij.com/content/244627

 
#6 ·
'ระยอง' ลุยศึกษาระบบขนส่งมวลชนรับไฮสปีดเทรนด์-ทางคู่

2018-05-04

เรือโทศตวรรษ อนันตกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดภายหลังเป็นประธานเปิดงานการประชุมสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่งเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจใน จ.ระยอง เพื่อรองรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่รองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)ว่า การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่งภายใน จ.ระยอง ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ระยองได้เติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ระบบขนส่งต่างๆ กลับได้รับการพัฒนาช้ากว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ประชาชนชาวระยอง ได้รับผลกระทบด้านการขนส่งและการจราจร รวมทั้งปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนและการสูญเสียทางเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเป็นปริมาณมาก

ด้านนายมนตรี ชนะชัยวิบูลวัฒน์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง กล่าวว่า ขณะนี้ระยองอยู่ระหว่างการว่าจ้างสถาบันการศึกษาของจังหวัดระยอง เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระบบขนส่งมวลชนจ.ระยอง ทั้งในเส้นทางหลัก และเส้นทางรองในหลายรูปแบบ อาทิ รถประจำทางบีอาร์ที รถไฟรางเบา (แทรม) รถไฟรางเดี่ยว(โมโนเรล) รวมถึงรถไฟฟ้าด่วนพิเศษ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และการขนส่งในภูมิภาคอาเซียนด้วย



นายมนตรี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่อีอีซีที่มีหลายโครงการสำคัญในพื้นที่จ.ระยองประกอบด้วย โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 และโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 นั้น ระยองอยู่ระหว่างการเตรียมบุคลากร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมต่างๆ ของโครงการ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยได้ประสานงานกับมหาวิทยาลัยของประเทศจีน 5 แห่ง ในการผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมระบบราง รองรับการก่อสร้างและการซ่อมบำรุง ของโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่ด้วย ตอนนี้รัฐบาล โดยสำนักงานอีอีซี อยู่ระหว่างการทำการตลาด เพื่อเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งล่าสุดพบว่ามีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งยุโรป อเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย

นายมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ อีอีซีนั้น จะช่วยสร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศเติบโตอย่างมหาศาล โดยในปัจจุบัน จังหวัดระยองสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 7% ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ จังหวัดระยอง จะสร้างรายได้ถึง 10% ของจีดีพี โดยอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะเป็นด้านของปิโตรเคมี และเชื่อว่าอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างจะเติบโตตามด้วย จากการที่ตนได้หารือร่วมกับหอการค้าจังหวัดระยอง และสมาคมอสังหาริมทรัพย์นั้น ตนได้ให้คำแนะนำให้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัดระยอง (กรอ.) จังหวัดระยอง ได้ตั้งศูนย์ประสานงานอีอีซีแห่งแรก และช่วยตรวจสอบโครงการต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร หรือกระทบประชาชนหรือไม่

ด้านรายงานข่าวจาก จ.ระยอง ระบุว่า โครงการดังกล่าว มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นผู้ดำเนินการศึกษา โดยได้รับทุนอุดหนุนวิจัยด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ประจำปี 61 จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

https://www.dailynews.co.th/economic/641504
 
#8 ·
นายธีรวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ให้มหาวิทยาลัยบูรพาเตรียมศึกษาโครงการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา เชื่อมจากสถานีโครงการรถไฟความเร็วสูงจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัทยา-ระยอง ไป อ.บ้านฉาง อยู่ที่ 27 กม. และเดินทางเข้าสู่ อ.เมืองระยอง อยู่ที่ 40 กม.

คล้ายกับที่บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด เสนอทำที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้พื้นที่บริเวณเกาะกลางถนน ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก เพราะหลังจากทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ไปแล้ว ไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน เพราะเส้นทางผ่านไฟแดง 3-4 แยก และมีการจราจรติดขัด รวมไปถึงหากทำเป็นอุโมงค์ข้ามแยก จะทำให้ร้านค้าและอาคารพาณิชย์ขาดรายได้ จึงเสนอให้ทำรถไฟฟ้าแบบ BTS

28/6/2561 https://www.prachachat.net/local-economy/news-181987
 
#9 ·
เดี๋ยวนะ ถ้าเป็นอุโมงค์/สะพานเฉพาะรถไฟฟ้าข้ามแยก พวกอาคารพาณิชย์/ร้านค้า มันจะขาดรายได้ได้ยังไง?
 
#10 ·
^^ ทำให้ที่จอดหายไป เพราะปกติขาวแดงถึงแยกตามมาตราฐานเทศบาลปกติมันแค่ 30-60m มันจะเพิ่มเป็น 300m ตามแนวลาดอุโมงค์
 
  • Like
Reactions: marut
#11 ·
ดันคมนาคมระบบรองระยอง เชื่อมไฮสปีดเทรนหนุนพื้นที่

5 July 2018


“ระยองพัฒนาเมือง” จี้คณะกรรมการอีอีซี เร่งผลักดันคมนาคมระบบรอง เมืองระยอง ประเดิมเปิดให้บริหารรถโดยสาร เชื่อมรถไฟความเร็วสูง และ 7 ศูนย์เศรษฐกิจใหม่ หวังให้เกิดการบริการที่ทั่วถึง และจูงใจผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน

จากนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ อีอีซี ได้ส่งผลให้ภาคเอกชนมีความตื่นตัวด้านการลงทุน และเห็นโอกาสจากการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว จึงมีเอกชนในพื้นที่จังหวัดระยองเห็นโอกาสตรงจุดนี้ และรวมตัวกันจัดตั้งบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด ขึ้นมารองรับการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ โดยใช้ศักยภาพของตัวเองที่มีอยู่ ในการขับเคลื่อน โดยไม่ต้องไปพึ่งภาครัฐ และยังเป็นการช่วยปลดล็อกอุปสรรคด้านการลงทุน กรณีเวนคืนที่ดินมาพัฒนา เป็นต้น

นายภูษิต ไชยฉํ่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งผลักดันการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งระบบรอง ในพื้นที่อีอีซี เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับพื้นที่การพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ โดยจะนำรถโดยสารประจำทาง (สมาร์ทบัส) มาเปิดให้บริการในระยะแรก เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบคมนาคมในพื้นที่ รองรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มาสิ้นสุดที่สถานีอู่ตะเภาและหลังจากนั้นจะลงทุนรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ในระยะต่อไป เพื่อให้เข้าถึงบริการระบบขนส่งมวลชนได้อย่างทั่วถึง


อีกทั้ง ยังรองรับการพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นใหม่ 7 แห่ง ในเมืองระยอง ได้แก่ ศูนย์เศรษฐกิจใหม่รอบท่าอากาศยานอู่ตะเภา ศูนย์เศรษฐกิจบ้านฉาง ศูนย์เศรษฐกิจมาบตาพุด ศูนย์เศรษฐกิจเซ็นทรัลพลาซาระยอง ศูนย์เศรษฐกิจศูนย์การค้าแหลมทอง ศูนย์เศรษฐกิจเมืองระยอง และศูนย์เศรษฐกิจเทศบันเทิง


โดยขณะนี้ได้ส่งแผนการพัฒนาดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) บรรจุเป็นโครงการเร่งด่วนแล้ว เพื่อไปผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปหาผู้ให้บริการ ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการในจุดนี้ และได้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดระยองไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ หากมีระบบฟีดเดอร์ให้บริการอย่างทั่วถึง พร้อมกับการเร่งพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจในพื้นที่ต่างๆ แล้วจะส่งผลให้เกิดแรงจูงใจของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ระยองมากขึ้น เนื่องจากจะมีโครงข่ายระบบคมนาคมเชื่อมโยงกับพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจใหม่ 7 แห่ง

ดังนั้น จึงต้องเร่งผลักดัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจบนพื้นที่การพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจต่างๆ พร้อมกับการเร่งเปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะรูปแบบสมาร์ทบัสก่อนที่จะปรับรูปแบบเป็นโมโนเรลในระยะต่อไป หากเต็มพิกัดให้บริการ จะมีทั้งแนวเส้นทางในพื้นที่เมืองเก่าระยอง ขยายออกไปสู่พื้นที่โซนใหม่ต่างๆ

“ขณะนี้บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานขนส่งจังหวัดให้ทดสอบการเดินรถเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภายใน 3 เดือนต่อจากนี้จะเปิดให้บริการสมาร์ท บัส เส้นทางนำร่องประมาณ 15 กิโลเมตรเพื่อให้ประชาชนคุ้นเคยกับการใช้บริการสาธารณะรูปแบบใหม่กันมากขึ้น ลดอุบัติเหตุและลดปัญหาการจราจร โดยศูนย์เศรษฐกิจจะเชื่อมต่อได้ทั้งย่านการค้าดั้งเดิม และย่านใหม่ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น”

ด้านนายฐาปนา บุญยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย และที่ปรึกษาบริษัท รีเจียนนอล ทรานซิทคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่อีอีซี จะมีการเสนอ “ศูนย์คมนาคมขนส่งระบบรอง” ไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เพื่อเร่งผลักดันให้โครงการต่างๆ เกิดขึ้นใน 4 พื้นที่ทั้งฉะเชิงเทรา ศรีราชา-พัทยา และระยอง โดยเฉพาะเขตจ.ระยอง ที่จะมีศูนย์เศรษฐกิจเกิดขึ้น 7 แห่งจำเป็นต้องวางระบบให้เกิดการเชื่อมโยงกัน


หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 ก.ค. 2561

http://www.thansettakij.com/content/293970
 
#12 ·
ระยองคึกรับเมืองไฮสปีด ชงรถไฟฟ้า4สายเชื่อมEEC

วันที่ 2 March 2019 - 09:25 น.


ระยองตื่นรับไฮสปีดเทรนแต่หัววัน รื้อระบบขนส่งใหม่ทั้งกระบิ ชงลงทุนรถไฟฟ้ารางเบา 4 สาย เชื่อม smart bus 3 เส้นทาง เปิดให้เอกชนร่วมวง PPP กว่า 2.5 หมื่นล้าน พลิกที่ดินย่าน CBD เมืองเก่า พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการผู้มีรายได้ปานกลาง-สูง เชื่อมเศรษฐกิจอีอีซีบูม ม.บูรพา-ม.เกษตร ดันพิมพ์เขียวแจ้งเกิด

แหล่งข่าวระดับสูงจากองค์การบริหารจังหวัดระยองเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยองกำลังจะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหม่ คู่กับการพัฒนาที่ดินรอบสถานี เงินลงทุน 15,000-25,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ตามการศึกษา 2 ฉบับคือ 1.โครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบเพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองระยอง 25,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานจังหวัดระยองว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยบูรพาศึกษา

ฉบับที่ 2.การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ในเขตเทศบาลนครระยอง 15,000 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลนครระยองว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษา พร้อมเสนอแผนพัฒนาเมืองรัศมีรอบสถานีหลัก เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พิจารณาและสรรหาผู้ดำเนินโครงการ อาจให้เอกชนร่วมลงทุน PPP หัวใจของการศึกษาทั้ง 2 ฉบับ พบว่า”จราจรติดขัดเป็นปัญหาหลักของระยอง และในอนาคต EEC เกิด จะมีคนเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ปริมาณจราจรในอนาคตมีความต้องการเดินทางในเขตผังเมืองรวมระยอง จะเพิ่มขึ้นเป็น 383,231 เที่ยว/วัน ปี 2563 จะมีปริมาณการเดินทางเพิ่มขึ้น 73.06% โดยระบบขนส่งใช้รถสองแถวเป็นหลัก จึงต้องพัฒนา”

โชว์รถไฟฟ้า 4 สายเชื่อมเมือง

โครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองระยองนั้น แบ่งเป็น 3 ระยะ รวม 316.40 กม.84 สถานี วงเงิน 25,845,252,880 บาท แบ่งเป็น โครงการระยะสั้น รถไฟฟ้า light rail transit (LRT) (ระยะที่ 1) วิ่งยกระดับบนเกาะกลางคือ สายสีม่วง สถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยอง -สถานีตะพง 20 กม. 7 สถานี วงเงิน 12,854,980,000 บาท และ smart bus 3 เส้นทาง ได้แก่ 1) สายสีแดง สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1-ห้างสรรพสินค้า Passion ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 2) สายสีฟ้า สถานีห้างสรรพสินค้า Passion-สถานีอู่ตะเภาและ 3) สายสีเทา สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2-แยกทับมา-สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 รวม 89.93 กม. 36 สถานี วงเงิน 194,403,000 บาท


โครงการระยะกลาง วงเงิน 12,641,539,880 บาท แบ่งเป็นรถ LRT 1 สายสีม่วง (ระยะที่ 2) สถานี รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์-สถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยอง 23.99 กม. 5 สถานี วงเงิน 12,458,741,880 บาท และ smart bus 2 เส้นทาง ได้แก่ 1.สายสีเขียวเข้ม สถานีขนส่งแห่งที่ 1-สถานีบ้านค่าย 2.สายสีน้ำตาล สถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยอง-สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 รวม103.88 กม. 21 สถานี วงเงินรวม 182,798,000 บาท

โครงการระยะยาว แบ่งเป็น smart bus สายสีน้ำเงิน สถานีตะพง-สถานีท่าเรือบ้านเพ 29.80 กม. 6 สถานี วงเงิน 61,160,000 บาท และสายสีเหลือง สถานีโรงพยาบาลระยอง-สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ระยะทาง 48.80 กม. มี 13 สถานี วงเงิน 93,170,000 บาท

นอกจากศึกษาพื้นที่ 3 สถานีหลัก ได้แก่ 1) สถานีตะพง ลักษณะ TOD ในพื้นที่อยู่อาศัยชุมชนชานเมือง เน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้มีรายได้ปานกลางพัฒนาเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ 2) สถานีเทศบันเทิง ในศูนย์กลางเมือง เน้นพัฒนาสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง-รายได้สูง

3) สถานีสำนักงานขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 เน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ส่งเสริมเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่การค้า และที่อยู่อาศัยด้วยจักรยาน ส่งเสริมการพัฒนา community mall ขนาดเล็ก

พลิกที่ดิน 3 ย่าน CBD เก่า

นายฉัตรนุชัย สมบัติศรี รองปลัดเทศบาลนครระยอง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลการศึกษาให้เริ่มต้นด้วยรถชัตเทิลบัส (shuttle bus) ก่อน หลังจากนั้นจึงทำรถไฟฟ้ารางเบาระดับพื้นดิน ภายใต้เงื่อนไขที่มีสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีที่ 10 ระยองแบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือ สายสีแดง ระยะทาง 23 กม. มี 18 สถานี ถ้าใช้ระบบ LRT วงเงินลงทุน 14,476.43 ล้านบาท เริ่มจากถนนสุขุมวิทบริเวณห้วยโป่ง ถึงบริษัท IRPC และสายสีเหลือง ใช้รถชัตเทิลบัสวงเงินลงทุน488.01 ล้านบาท ระยะทาง 13 กม. มี 14 สถานี เริ่มจากถนนตากสินมหาราช บริเวณก้นปึกถึงถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าถนนจันทอุดม บรรจบสาย 36 และเลี้ยวซ้ายแยกโกลบอลเฮ้าส์ ไปบรรจบกับถนนสุขุมวิทบริเวณแยกขนส่ง (เพิ่มสถานี ร.ร.ตากสิน 1 สถานี)

รวมถึงเสนอการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่ง หรือ TOD จำนวน 5 สถานี ได้แก่ สถานีระยองวิทยาคม สถานีโรงพยาบาลระยอง สถานีเทสโก้ โลตัส สถานีแหลมทอง และสถานีเซ็นทรัล เกาะลอย และแผนในการพัฒนาเมืองระยอง เพื่อพลิกฟื้นย่านเมืองเก่าที่เคยเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เมื่อ50 ปีก่อนให้กลับคืนมาใน 3 ย่านเก่าได้แก่ บริเวณถนนยมจินดา เทศบันเทิง สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ขณะเดียวกันจะนำรถสมาร์ทบัสมาวิ่งในเส้นทางสายสีเหลืองก่อน

นายภูษิต ไชยฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนการพัฒนาย่านพาณิชยกรรม หรือเมืองเก่าบนถนนสุขุมวิท ซึ่งกินพื้นที่รวมที่ดินของเอกชน 4 ตร.กม. จะมุ่งพัฒนาพื้นที่ที่อยู่ใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลนครระยอง บริเวณตลาดเทศบันเทิง เชื่อมต่อกับถนนยมจินดาเท่านั้น ทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2563

https://www.prachachat.net/local-economy/news-296182
 
#13 · (Edited)
ส่องโครงข่าย “รถไฟฟ้าระยอง” พัฒนาพื้นที่เมืองเชื่อม CBD

วันที่ 4 March 2019 - 11:26 น.


ขณะที่คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) กำลังเร่งเจรจากับกลุ่ม ซี.พี. เพื่อหาข้อสรุปให้จบภายในเดือน มี.ค.นี้

ด้าน “จังหวัดระยอง” หนึ่งในจังหวัดซึ่งถูกประกาศเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้เด้งรับนโยบายดังกล่าว ด้วยการศึกษาระบบขนส่งมวลชนเชื่อมโยงเครือข่ายกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเข้าสู่อำเภอเมืองระยอง เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในปัจจุบัน และเตรียมรองรับ EEC ในอนาคต พร้อมชงให้ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พิจารณาคัดเลือกถึง 2 ฉบับ

ระหว่างผลการศึกษาโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบเพื่อการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองระยอง มูลค่า 25,845,252,880 บาท ซึ่งสำนักงานจังหวัดระยองว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยบูรพาศึกษา และ 2.การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ในเขตเทศบาลนครระยอง มูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลนครระยองว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษา

จว.ชง 4 สาย LRT-สมาร์ทบัส

สำหรับผลการศึกษาโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบเพื่อการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองระยองของสำนักงานจังหวัด แหล่งข่าวระดับสูงจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองระบุว่า โครงการจะเริ่มด้วยการนำรถสมาร์ทบัส (smart bus) วิ่งก่อน ค่อยทยอยก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (light rail transit-LRT) ยกระดับคล้าย BTS เพื่อไม่ให้มีปัญหาจุดตัดกับถนน ระยะทาง 316.40 กม. มี 88 สถานี แบ่งการลงทุนเป็น 3 ระยะ รวมวงเงิน 25,845,252,880 บาท (ดูแผนที่)


เริ่มจากระยะสั้น (ระยะที่ 1) 316.40 กม. มี 43 สถานี วงเงินรวม 13,049,383,000 บาท แบ่งเป็น รถไฟฟ้า LRT (ระยะที่ 1) วิ่งยกระดับบนเกาะกลางถนนสุขุมวิท 1 เส้นทาง คือ สายสีม่วง เริ่มจากสถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ผ่านมาสถานีสำนักงานขนส่ง สถานีสนามกีฬากลาง ผ่านสถานี Passion สถานีโรงพยาบาลระยอง สถานี IRPC มาถึงสถานีตะพง ระยะทาง 20 กม. มี 7 สถานี วงเงิน 12,854,980,000 บาท และ smart bus 3 เส้นทาง ระยะทาง 89.93 กม. มี 36 สถานี วงเงิน 194,403,000 บาท ได้แก่ 1) สายสีแดง สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1-ห้างสรรพสินค้า Passion ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 2) สายสีฟ้า สถานีห้างสรรพสินค้า Passion ถึงสถานีอู่ตะเภา และ 3) สายสีเทา สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ถึงแยกทับมา-สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2

โครงการระยะกลาง (ระยะที่ 2) วงเงินรวม 12,641,539,880 บาท แบ่งเป็นรถ LRT 1 สายสีม่วง (ระยะที่ 2) ใช้เกาะกลางถนนสุขุมวิท เริ่มจากสถานีโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ วิ่งมาสถานีบ้านฉาง เลี้ยวมาทางสถานีตลาดสี่ภาค สถานีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตรงมาถึงสถานีมาบตาพุด มาสิ้นสุดที่สถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ระยะทาง 23.99 กม. มี 5 สถานี วงเงิน 12,458,741,880 บาท และ smart bus 2 เส้นทาง รวมระยะทาง 103.88 กม. มี 21 สถานี วงเงินรวม 182,798,000 บาท ได้แก่ 1.สายสีเขียวเข้ม สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถึงสถานีบ้านค่าย 2.สายสีน้ำตาล สถานีศูนย์ราชการจังหวัดระยองถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2

และโครงการระยะยาว วงเงิน 154,330,000 บาท แบ่งเป็น smart bus 2 เส้นทาง ระยะทาง 48.80 กม. มี 13 สถานี วงเงิน 93,170,000 บาท ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สถานีตะพงถึงสถานีท่าเรือบ้านเพ ระยะทาง 29.80 กม. จำนวน 6 สถานี วงเงิน 61,160,000 บาท และสายสีเหลือง สถานีโรงพยาบาลระยองถึงสถานีขนส่งแห่งที่ 1

เทศบาลชู 2 สายแดง-เหลือง

ด้านโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ในเขตเทศบาลนครระยอง เสนอนำรถชัตเทิลบัส (shuttle bus) มาวิ่งก่อนค่อยก่อสร้างระบบรถรางไฟฟ้า หรือรถไฟฟ้าล้อยาง (tram) วิ่งเกาะกลางถนนระดับพื้นดินในถนน 2 สายหลัก คือ สุขุมวิท และสาย 36 เพื่อไม่ให้มีตอม่อ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้ เป็นการศึกษาภายใต้เงื่อนไขมีรถไฟความเร็วสูงสถานีที่ 10 ระยอง และพยายามวางแนวเส้นทางเชื่อมย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ (CBD) สำคัญ

เริ่มเส้นทางหลักสายสีแดง ทำรถรางไฟฟ้า ระยะทาง 23 กม. มี 18 สถานี วงเงินลงทุน 14,476.43 ล้านบาท จากถนนสุขุมวิทบริเวณห้วยโป่ง ผ่านสถานีหลัก ได้แก่ สถานีห้วยโป่ง วิ่งมาสถานีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สถานีมาบตาพุด สถานีศูนย์ราชการเนินสำลี สถานีโขดหิน สถานีแยกขนส่งใหม่ สถานีกรอกยายชา สถานีโรงเรียนอัสสัมชัญระยอง สถานีหนองสนม สถานีแหลมทองพลาซ่า สถานีแยกออคิด สถานีเพลินตา สถานีสองพี่น้อง สถานีคลองคา มาสิ้นสุดที่สถานี IRPC

ส่วนสายสีเหลือง จะใช้รถชัตเทิลบัสวิ่ง วงเงินลงทุน 488.01 ล้านบาท ระยะทาง 13 กม. มี 14 สถานี เริ่มจากถนนตากสินมหาราชบริเวณก้นปึก ถึงถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าถนนจันทอุดม บรรจบสาย 36 และเลี้ยวซ้ายแยกโกลบอลเฮ้าส์ ไปบรรจบกับถนนสุขุมวิทบริเวณแยกขนส่ง ประกอบด้วยสถานีหลัก อาทิ สถานีแยกขนส่ง 2 สถานีโกลบอลเฮ้าส์ สถานีทับมา สถานีศูนย์ฮอนด้า สถานีเซ็นทรัล สถานีโรงพยาบาลระยอง สถานีเทศบันเทิงพลาซ่า สถานีก้นปึก สถานีระยองวิทย์ และสถานีโรงเรียนตากสิน

ลุ้นเอกชนรายใหญ่ลงทุน PPP

ในด้านเงินลงทุนโครงการระบบขนส่งมวลชน ทางจังหวัดเองไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะลงทุน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนไม่ได้มีเงินลงทุนเหมือนกับจังหวัดขอนแก่น ดังนั้น ความเป็นไปได้คงต้องให้ทาง สกพอ.หางบประมาณมาลงทุน หรือสรรหาผู้มาดำเนินโครงการ อาจจะให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP โดยมีพื้นที่ตามสถานีให้พัฒนาคล้ายกับโครงการรถไฟความเร็วสูง

แหล่งข่าวจากจังหวัดระยองระบุว่า ยอมรับว่าการลงทุนโครงการระดับ 15,000-25,000 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนที่มหาศาล ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเลือกโครงการที่สำนักงานจังหวัด หรือเทศบาลนครระยองศึกษา ล้วนไม่คุ้มค่าในการลงทุน แม้จะบวกจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเมื่อ EEC เกิดแล้ว เนื่องจากเมื่อคำนวณประชากรที่จะใช้บริการรถขนส่งมวลชนของระยองในเมืองมีเพียง 2 แสนคน (จากปัจจุบันประชากรทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้านมีประมาณ 7 แสนคน มีประชากรแฝงประมาณ 5 แสนคน) ดังนั้น จุดเริ่มต้นจึงเชื่อมโยงการเดินทางสาธารณะด้วยระบบสมาร์ทบัสเป็นตัวตอบโจทย์ขนส่งมวลชนได้ระดับหนึ่ง ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

https://www.prachachat.net/local-economy/news-296737

 
#14 ·
ฟื้นชีพ 3 ย่านเก่า เทศบันเทิง-ยมจินดา-ขนส่ง 1

วันที่ 5 March 2019 - 16:45 น.


ความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนให้เป็นรูปธรรมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล และอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาอีกนานพอสมควร ดังนั้น ทางเทศบาลนครระยอง และบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด จึงไม่รอช้าจับมือกันพัฒนาพื้นที่รอบสถานีหลักเตรียมไว้รองรับก่อน โดยเฉพาะการรื้อฟื้นพื้นที่ใจกลางเมืองระยอง ซึ่งเคยรุ่งเรืองในอดีตให้กลับคืนมา

โดย นายฉัตรนุชัย สมบัติศรี รองปลัดเทศบาลนครระยอง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ในเขตเทศบาลนครระยอง มูลค่า 15,000 ล้านบาท ได้เสนอการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่ง หรือ TOD จำนวน 5 สถานี ได้แก่ 1.สถานีระยองวิทยาคม สถานีโรงพยาบาลระยอง สถานีเทสโก้ โลตัส สถานีแหลมทอง และสถานีเซ็นทรัล เกาะลอย ทั้งนี้ ผลการศึกษาในนำเรื่องการเติมคนเข้ามาในระบบมาพิจารณาด้วย




ยกตัวอย่าง สถานีระยองวิทย์ อีก 20-30 ปีข้างหน้าคาดการณ์จำนวนประชากรที่จะเพิ่มขึ้น มีแผนสร้างอาคารสูง 8-12 ชั้น ศูนย์การศึกษาและการเรียนรู้ ศูนย์การแสดงสินค้า OTOP ที่อยู่อาศัยสำหรับนักเรียน/นักศึกษา ส่วนสถานี รพ.ระยอง ในรัศมี 400 เมตรจะกลายเป็นศูนย์รักษาพยาบาลแบบครบวงจร (รพ.ระยอง) ศูนย์อาหารราคาประหยัด (เทศบันเทิง) สถานีเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง (อำเภอเมือง-อำเภอโดยรอบ), สถานีเทสโก้ โลตัส จะเป็นศูนย์รวมกิจกรรมไลฟ์สไตล์ ศูนย์ขายปลีก-ส่งผักผลไม้, สถานีแหลมทอง จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจ สำนักงาน ศูนย์ประชุม และสถานีเซ็นทรัล เกาะลอย เป็น AEC central station ย่านการค้า สำนักงาน โรงแรม แหล่งที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย ศูนย์สุขภาพและกีฬา

ทั้งนี้ รูปธรรมของระบบขนส่งมวลชนกว่าจะเกิดจริงคงใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น ระหว่างนี้ทางเทศบาลได้ร่วมมือกับบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด ทำการศึกษาเพื่อพลิกฟื้น 3 ย่านเมืองเก่าที่เคยเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของระยอง เมื่อประมาณ 50 ปีก่อนให้กลับคืนมา ได้แก่ บริเวณเทศบันเทิง ถนนยมจินดา และสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 โดยผลการศึกษาจะให้แล้วเสร็จในปีนี้ ขณะเดียวกันจะนำรถสมาร์ทบัสมาวิ่งในสายสีเหลืองก่อน

“การฟื้น 3 ย่านเก่า โดยเฉพาะถนนยมจินดาอยู่ห่างจากสถานีเทสโก้ โลตัส ไม่ถึง 1 กม. ขณะที่บริเวณเทศบันเทิง และสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 อยู่ห่างจากสถานีโรงพยาบาลระยอง ประมาณ 200-300 เมตร เหมาะแก่การนำมาพัฒนา ที่สำคัญ พื้นที่ทั้งหมด 5-6 ไร่ของเทศบันเทิง เป็นที่ดินของเทศบาลนครระยอง ขณะที่ที่ดินบริเวณที่ตั้งสถานีขนส่งแห่งที่ 1 ประมาณ 5 ไร่ เป็นที่ดินของธนารักษ์ แต่เทศบาลดูแลอยู่ ซึ่งทางเทศบาลคงต้องหารือกับกรมธนารักษ์ต่อไป”

https://www.prachachat.net/local-economy/news-297576
 
#15 ·
ชลบุรี-ระยอง-แปดริ้วค้านระบบรางอีอีซี เสนอเบี่ยงแนวเข้าย่าน “ธุรกิจ-ท่องเที่ยว”

วันที่ 6 July 2019 - 18:52 น.

ทุนท้องถิ่นแห่ค้านแผนแม่บทระบบรางชลบุรีขวางวางรางเข้าอำเภอเมือง ขอเบี่ยงแนวเข้า “บ่อวิน-ปลวกแดง-แหลมฉบัง-ศรีราชา-พัทยา” ชี้เป็นทั้งแหล่งงาน จุดท่องเที่ยว ด้านฉะเชิงเทราไม่สนซิตี้บัส จี้ทำรถไฟฟ้ารางเบาเชื่อมนิคมอุตฯ-บางปะกง-แปดริ้ว

แผนแม่บท 20 ปี (63-83)

นายนิรันดร์ เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สนข.กำลังจัดทำแผนแม่บทระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC งบฯศึกษา 20 ล้านบาท เป็นแผนแม่บทพัฒนา 20 ปี (2563-2583) คาดว่าผลศึกษาแล้วเสร็จใน เม.ย. 2563

ขณะนี้อยู่ระหว่างลงพื้นที่ประชุมหารือร่วมกับนักธุรกิจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัด เพื่อเก็บรายละเอียดความต้องการ ปริมาณการจราจร การเดินทาง แหล่งชุมชน คาดว่าก.ย.นี้จะมีข้อสรุปแนวเส้นทาง ระบบที่เหมาะสม เช่น รถไฟฟ้า รถราง รถบัส เบื้องต้นจะมีโครงการนำร่องในแต่ละจังหวัด

“หลังรับฟังความคิดเห็นแล้ว โจทย์ที่ สนข.มอบให้บริษัทที่ปรึกษาคือ เมื่อมีโครงการข่ายหลัก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ถนนสายหลักอย่างสาย 331, 344 แล้ว ในอนาคตจะเชื่อมโยงเข้ากับแต่ละจังหวัดยังไง เช่น สร้างฟีดเดอร์ขึ้นมาเชื่อมต่อการเดินทางในเมืองและพื้นที่อีอีซี แต่ละเมืองมีระบบขนส่งสาธารณะมารองรับ 1 จังหวัดอาจมีหลายแห่ง เช่น ชลบุรีอาจมีในอำเภอเมือง ศรีราชา พัทยา”

สนข.ชักชวนท้องถิ่นลงทุน


นายนิรันดร์กล่าวต่อว่า จากการประชุมร่วมกับตัวแทนในจังหวัด ภาคเอกชนหลายคนเสนอสิ่งที่ตนต้องการ เช่น อยากให้แนวเส้นทางพาดผ่านนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

เบื้องต้น สนข.ทราบดีว่าแต่ละจังหวัดมีทำเลไข่แดง อาทิ จ.ชลบุรีมีความหนาแน่น นิคมอุตฯต้องทำตลอดแนวถนน ถนนเส้นหลักทั้งทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 หมายเลข 331 หมายเลข 36 และหมายเลข 344 ฯลฯ ต้องนำมาประมวลข้อมูลหาจุดเชื่อมโยงเพื่อคัดเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับระยองมีการศึกษาข้อมูลมาแล้วบางส่วน วิธีการจะนำผลศึกษามาทบทวนและหยิบข้อมูลที่ใช้ได้นำมาใช้ ส่วนฉะเชิงเทรามีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ เช่น แนะนำช่องทางการเดินเรือในแม่น้ำบางปะกง

“เราก็รับฟังและนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวเส้นทางด้วย เพราะ สนข.คงกำหนดแนวเส้นทางให้ตอบโจทย์และความต้องการไม่ได้ครบทุกคน หากเอกชนท้องถิ่นต้องการลงทุนก็เสนอมาได้ เพราะรูปแบบการลงทุนมีรัฐลงทุน เปิด PPP และท้องถิ่นดำเนินการ” นายนิรันดร์กล่าว

ชลบุรีค้านระบบรางเข้า อ.เมือง

นายกิตติวุฒิ ศศวิมลนธุ์ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทีมที่ปรึกษานำเสนอแนวคิดวางระบบรางสาธารณะเป็นโครงข่ายรองบริเวณรอบอำเภอเมืองชลบุรี ซึ่งเป็นเมืองราชการ ไม่ใช่เมืองธุรกิจ และเป็นเมืองที่ไม่มีการเติบโตแล้ว จึงเห็นว่าแนวเส้นทางไม่มีความเหมาะสม

“จังหวัดอื่นมีความเจริญเพียงอำเภอเมืองแต่ชลบุรีมีเมืองที่เจริญเป็นไข่แดงหลายเมือง เช่น ศรีราชา แหลมฉบัง พัทยา อู่ตะเภา ทั้งมีความเจริญรอบนิคมอุตฯ 4-5 แห่ง เช่น นิคมอมตะซิตี้, บ่อวิน, ปลวกแดง โดยพื้นที่ EEC 3 จังหวัด ชลบุรีซับซ้อนกว่า เป็นทั้งแหล่งงาน ที่อยู่อาศัย เมืองท่องเที่ยว เมืองอุตสาหกรรม”

ข้อเสนอของกลุ่มนักธุรกิจชลบุรี จุดแรกที่ควรพัฒนา คือ ลากโครงข่ายจากสถานีรถไฟความเร็วสูงศรีราชาเชื่อมนิคมอุตฯ “บ่อวิน ปลวกแดง แหลมฉบัง” โดยทำเลศรีราชาเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือ CBD ในพื้นที่ ปัจจุบันการจราจรติดขัดมาก คนที่มาอยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เช่น คนญี่ปุ่น เกาหลี ทั้งอยากให้เชื่อมโยงอู่ตะเภารองรับการเติบโตในอนาคตด้วย ส่วนบางแสนการจราจรยังไม่วิกฤต วางตำแหน่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่น ไม่ใช่เมืองอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมชลบุรีเตรียมนัดหารือร่วมกับหอการค้าชลบุรี สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เพื่อรวบรวมความคิดเห็นนำเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่อ สนข.เป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

แปดริ้วขอซิตี้ไลน์เลียบบางปะกง

นายจีรทัศน์ แจ่มไพบูลย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นักธุรกิจฉะเชิงเทราต้องการให้วางแนวระบบรถไฟฟ้ารางเบา (ซิตี้ไลน์) แนวเส้นทางเลียบแม่น้ำบางปะกงเข้าสู่ตัวเมืองแปดริ้ว เนื่องจากสถานที่สำคัญ ชุมชนต่าง ๆ อยู่หนาแน่นบริเวณริมแม่น้ำบางปะกง ทำให้ลดภาระไม่ต้องเวนคืนมาก ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด และเสนอให้กำหนดจุดจอดรถอยู่รอบนอกตัวเมือง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ต้องการนำรถวิ่งเข้าตัวเมืองซึ่งมีปัญหาการจราจรหนาแน่นในช่วงจากบางปะกงเข้าตัวเมือง 10-15 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ช่วงนิคมอุตฯมีการจราจรหนาแน่น ควรวางระบบรถไฟฟ้ารางเบามารองรับ ส่วนรถซิตี้บัสสามารถเชื่อมต่อได้ช่วงสั้น แต่ไม่เหมาะนำมาวิ่งทางยาว ขณะที่ถนนก็แคบมาก การใช้รถซิติ้บัสมองว่ายิ่งเพิ่มปัญหาจราจรมากขึ้นไปอีก รวมถึง สนข.ต้องศึกษาเกี่ยวกับค่าโดยสารให้ชัดเจน หากแพงผู้โดยสารอาจใช้บริการน้อยลง

“เสาร์-อาทิตย์รถติดจนคนแปดริ้วไม่กล้าออกจากบ้าน ในอนาคตแปดริ้วจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า การเลือกแนวเส้นทางต้องแก้ปัญหาการแออัดที่เกิดขึ้น อย่างเส้นเลียบบางปะกง แม่น้ำกว้างใหญ่ออกแบบดี ๆ ไม่บดบังทัศนียภาพ ไม่ต้องเวนคืนมาก สถานที่สำคัญหลายแห่งตั้งอยู่ริมน้ำ เช่น วัดหลวงพ่อโสธร, โรงพยาบาล, ศาลากลาง, ตลาด 100 ปี แต่จะคุ้มทุนหรือไม่ สนข.ต้องกลับไปคิดแล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกที”

ระยองขอรถไฟลอยฟ้า

นายนพพล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวว่า อยากให้ทำระบบรถไฟฟ้าแบบ BTS วิ่งเชื่อม 3 จังหวัด โดยยกระดับเลียบตามเกาะกลางถนนสุขุมวิทเป็นหลัก เชื่อม อ.เมืองระยองและสนามบินอู่ตะเภา เพราะในอนาคตคนจะบินมาลงจำนวนมาก

ทั้งนี้แนวเส้นทางที่นำเสนอเป็นคนละเส้นกับสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานี 10 จากอู่ตะเภาสิ้นสุดปลายทางที่หน้าห้างเซ็นทรัลระยอง และเสนอว่าควรทำโครงข่ายรองเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม

เช่น มาบตาพุด, EECi อ.วังจันทร์, บ้านค่าย, ปลวกแดง ให้เข้ามาตัวเมืองได้สะดวก ลดความแออัดการจราจร และลดสถิติการก่ออุบัติเหตุภายในตัวเมือง (หน้า 1, 4)

https://www.prachachat.net/property/news-346973
 
#16 ·
‘สกพอ.’ลุยแผนฟีดเดอร์ เชื่อมรถไฟความเร็วสูง

8 ก.ค. 62

การขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ดำเนินมาครบ 2 ปี และถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่นโยบายนี้จะได้รับการขับเคลื่อนต่อ และได้เตรียมแผนงานสำหรับการขับเคลื่อนหลังจากนี้แล้ว

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า อีอีซีถูกกำหนดแผนงานที่กำหนดไว้ 4 ระยะ ได้ดำเนินการผ่านระยะที่ 1 การออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีการประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2561

ระยะที่ 2 การผลักดันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 5 โครงการ ซึ่งมี 2 โครงการ ที่เตรียมเข้าสู่การลงนาม คือ 1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ซึ่งคณะรัฐนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี)

2.โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ซึ่งจะมีการลงนามระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกิจการร่วมค้ากัลฟ์และพีทีทีแทงก์ โดยทั้ง 2 โครงการ จะเรียบร้อยภายในเดือน ส.ค.นี้

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้กำหนดให้ผู้ชนะประมูลเป็นผู้กำหนดที่ตั้งสถานีรถไฟความเร็วสูง ตั้งแต่สถานีฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยาและศรีราชา ส่วนสถานีต้นทางจากดอนเมือง-สุวรรณภูมิใช้โครงสร้างของแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ อยู่แล้ว

การกำหนดให้เอกชนเป็นผู้เลือกที่ตั้งสถานีเพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งเอกชนจะเลือกที่ตั้งสถานีที่ใกล้ชุมชนเป็นหลัก แต่ประชาชนในชุมชนที่รถไฟความเร็วสูงต้องเข้าถึงได้ ซึ่งกำหนดให้มีระบบฟีดเดอร์เป็นระบบขนส่งมวลชนรองเพื่อขนคนเข้าสู่ระบบรถไฟความเร็วสูง โดยมีการกำหนดไว้หลายรูปแบบ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้าโมโนเรล รถไฟฟ้ารางเบาระดับพื้นดิน (แทรม) และหลังจากนี้จะมากำหนดรูปแบบว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรอง

ขณะนี้มีข้อเสนอจากเมืองพัทยาให้มีการสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลหรือแทรมเป็นระบบขนส่งรอง เพื่อเชื่อมตัวเมืองพัทยากับสถานีรถไฟความเร็วสูงพัทยา ในขณะที่มีข้อเสนอให้มีการลงทุนรถไฟฟ้าโมโนเรลเข้าจากสถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภาเข้าไปตัวเมืองระยอง ระยะทาง 20-30 กิโลเมตร กำหนดสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรลไว้ 4 สถานี

ทั้งนี้ ภาครัฐประเมินว่าระบบขนส่งมวลชนรองจะใช้งบประมาณไม่มาก เพราะเทคโนโลยีการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีความก้าวหน้ามาก โดยบริษัท BYD ที่สนใจมาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และเป็นบริษัทที่เข้าไปลงทุนสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลในหลายประเทศ และมีการประเมินต้นทุนการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลขณะนี้ถูกกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินถึง 3 เท่า

ส่วนโครงการที่มีปัญหามี 2 โครงการ คือ 1.โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีปัญหาผู้ยื่นซองประมูลลงนามเอกสารไม่ถูกต้อง 2.โครงการสนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก มีปัญหาผู้ยื่นซองประมูลส่งเอกสารบางส่วนช้ากว่าเวลากำหนด และปัญหาของทั้ง 2 โครงการ นำมาสู่การร้องศาลปกครองกลางเพื่อยุติข้อขัดแย้งระหว่างผู้ยื่นซองกับคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน

"หากคณะกรรมการคัดเลือกฯ อะลุ่มอล่วยจะทำให้ผู้ประมูลอีกรายฟ้องได้ ทางออกที่ดีที่สุด คือ การยืนตามหลักเกณฑ์การประมูล "

สกพอ.ได้เตรียมแผนขับเคลื่อนในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ซึ่งมีแผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ 1.การผลักดันการพัฒนาด้านสาธารณสุข ชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงแผนการพัฒนาเมืองหรือสมาร์ทซิตี้ ซึ่งต้องมีการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชุมชนมากขึ้น

2.การประกาศใช้ผังเมืองรวมอีอีซีภายในเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำเสร็จแล้ว และเตรียมเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่จะแต่งตั้งขึ้นใหม่หลังการจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังคงมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานเช่นเดิม

3.การชักจูงการลงทุนภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยกลุ่มนักลงทุนที่จะดึงเข้ามาลงทุนจะมีทั้ง นักลงทุนญี่ปุ่น ที่เคยเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในอีอีซีแล้วในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ในขณะที่ นักลงทุนยุโรป ที่สนใจย้ายฐานการลงทุนจากจีนมาไทย ซึ่ง สกพอ.จะเน้นดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงและอากาศยาน

ในขณะที่ นักลงทุนจีน ที่จะดึงเข้ามามีเป้าหมายต้องไม่น้อยกว่านักธุรกิจญี่ปุ่นในช่วง 5 ปี ข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันนักธุรกิจจีนได้รับแรงกดดันให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศจึงเป็นโอกาสดีที่จะดึงมาลงทุนในไทย โดยที่ผ่านมา สกพอ.ได้ไปทำข้อตกลงร่วมมือการลงทุนรายมณฑล เช่น มณฑลเจิ้งโจวที่มีเมืองอุตสาหกรรมการบินขนาดขนาดใหญ่

เมื่อนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนจะมาพร้อมกับซัพพลายเชนเป็น 100 บริษัท ซึ่ง สกพอ.ได้ประสานให้นิคมอุตสาหกรรมในอีอีซี เพื่อให้จัดเตรียมพื้นที่รองรับการลงทุนของนักธุรกิจจีน ซึ่งบริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ได้จัดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจีนไว้รองรับ ในขณะที่บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) เตรียมนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนจีนที่ จ.ระยอง

นักธุรกิจจีนที่จะดึงเข้ามาลงทุนจะเน้นอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูง ซึ่งบริษัทจีนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามาก โดยบริษัทหัวเว่ยมีงบประมาณลงทุนถึง 16% ของรายได้ และไทยก็ต้องการให้บริษัทหัวเว่ยเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เน้นการนำสินค้ามาขายในไทย

นอกจากนี้ สกพอ.ได้หารือกับเผิง ฉุน ประธานบริษัท China Investment Corporation (CIC) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ของจีนที่นำเอาเงินทุนสำรองของจีนออกมาบริหาร โดยมีเงินตั้งต้น 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 6 ล้านล้านบาท ปัจจุบันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 24 ล้านล้านบาท และสนใจมาลงทุนในอีอีซี

รวมทั้งปัจจุบัน CIC มีการลงทุนที่หลากหลายทั้งการร่วมลงทุนกับบริษัทต่างๆ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

http://inews.bangkokbiznews.com/read/374503

 
#17 ·
เปิดเส้นทางขนส่งสาธารณะเลือก”แทรม-อีวีบัส”ตะลุยอีอีซี

Dailynews 15/3/2563

*”แปดริ้ว-ชลบุรี-ระยอง”3โครงการนำร่อง2พันล้าน
*ค่าโดยสารถูกกม.ละบาท10-15บาทเปิดบริการปี67

รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า ได้ประชุมพิจารณาร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ การศึกษาจัดทำแผนแม่บท การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยที่ปรึกษาได้เสนอผลการคัดเลือกโครงการนำร่องใน 3 จว. เสร็จเรียบร้อยแล้วจว.ละ 1 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวม 1,867 ล้านบาท สนข. ได้ลงพื้นที่จัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อเสนอรูปแบบโครงการนำร่องใน จ.ชลบุรีเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนจ.ระยอง จะนำเสนอวันที่ 16 มี.ค. และ จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 17 มี.ค. เพื่อนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงผลการศึกษาก่อนจัดประชุมสัมมนาครั้ง 2 เพื่อปิดโครงการภายในเดือนมี.ค.เสนอผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป

จ.ระยอง เลือกโครงการรถไฟฟ้าล้อยาง (แทรมบัส) เส้นทาง รย 1 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรมไออาร์พีซี ระยะทาง 18.19 กม. ค่าลงทุน 1,209 ล้านบาท ต้นทุนคันละ 30 บาท ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า มี 22 สถานี ลานจอดแล้วจร 4 แห่ง รองรับ 350 คัน ศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง พื้นที่ 11.08 ไร่ รองรับรถไฟฟ้าล้อยาง 26 คัน มีพื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ครั้งละ5คัน

รองรับผู้โดยสาร 80 คนต่อคัน ความถี่ช่วงเวลาเร่งด่วน 6 นาที และช่วงปกติ 10 นาที ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย คาดเปิดบริการปี 67 มีผู้โดยสารใช้บริการ 7,000 คนต่อวัน มีช่องทางเฉพาะ

แนวเส้นทางเริ่มต้นที่ทางเข้า-ออก นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ผ่านโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง ผ่านจุดตัดสี่แยกบริเวณตลาดมาบตาพุด ผ่านสะพานข้ามคลองน้ำหู บริเวณ กม. 214+195 เบี่ยงไปทางทิศตะวันออก

ผ่านโรงเรียนอัสสัมชัญระยอง ผ่านจุดตัดสามแยกรพ.ระยอง ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำระยอง บริเวณ กม.222+306 ผ่านปั๊มน้ำมันไออาร์พีซี สวนสุขภาพเชิงเนิน สิ้นสุดบริเวณทางเข้า-ออก เขตอุตสาหกรรมบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)





 
#18 ·
กรณีระยองนั้น เมื่อมีการตั้งสถานีรถไฟระยองที่หมายใจจะเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูงด้วยก็คงไม่พ้นต้องปรับเส้นทางให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้วยครับ
 
#19 ·
เอางบทาสี สร้างเกาะปูน ไปซื้อรถเมล์ และใช้แค่ระบบรถเมล์ปกติก็พอ

จะได้เพิ่มความถี่ป้าย ประหยัดงบประมาณ
 
#20 ·
cr. สนข 10/7/2563

สนข. จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม (คค.) จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563 ณ โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง จังหวัดระยอง

โดยมีนายยุทธพล องอาทอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารสาธารณะ ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 120 คน

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลการศึกษาขั้นสุดท้ายในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดย สนข. ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รูปแบบการลงทุน และวิธีการนำไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วยภาพรวมการเชื่อมโยงพื้นที่เมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 3 ระบบ ได้แก่

1) ระบบขนส่งสาธารณะหลัก เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างภูมิภาค และโครงสร้างพื้นฐาน

2) ระบบขนส่งสาธารณะรอง เชื่อมโยงระบบหลักและแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างเมืองในเขตเมือง และ

3) ระบบขนส่งสาธารณะเสริม เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมย่อยในเขตเมืองหรือพื้นที่อยู่อาศัยเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะสายรอง มีองค์ประกอบของระบบขนส่งสาธารณะ

ประกอบด้วย โครงข่ายเส้นทางและตัวระบบ สาธารณูปโภคสนับสนุน ระบบตั๋วและค่าโดยสาร สิ่งแวดล้อมและการยอมรับของประชาชน การลงทุนและผลตอบแทน รวมถึงการบริหารจัดการ ซึ่งเป้าหมายของระบบขนส่งสาธารณะ ต้องมีความสะดวกเข้าถึงง่าย ปลอดภัย พัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างรูปแบบการขนส่ง ส่งเสริมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และมีความคุ้มค่า ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบระบบขนส่งสาธารณะแบ่งเป็น ช่องทางเฉพาะ (Exclusive Lane) และช่องทางร่วมกับรถทั่วไป (Shared Lane) โดยมีแนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะที่เสนอในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ดังนี้


แนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดระยอง ประกอบด้วย

แนวเส้นทางที่ 1 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC

แนวเส้นทางที่ 2 แหลมเจริญ-สามแยกขนส่ง

แนวเส้นทางที่ 3 HSR อู่ตะเภา-ระยอง-บ้านเพ

แนวเส้นทางที่ 4 ระยอง-บ้านค่าย-EECi

แนวเส้นทางที่ 5 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมพัฒนา-ปลวกแดง และ

แนวเส้นทางที่ 6 HSR อู่ตะเภา-ระยอง-EECi

โดย สนข. ได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC เป็นโครงการนำร่อง




ในส่วนของการลงทุนนั้น รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และบริษัทเอกชน ตามความเหมาะ โดยในเบื้องต้นรูปแบบของรถโดยสารจะเป็นรถโดยสารไฟฟ้า EV BUS รถโดยสารขนาดเล็ก EV minibus และรถไฟฟ้าล้อยาง Trambus

อนึ่ง ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันเสนอข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างกว้างขวาง อาทิ อยากให้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยให้ขยายเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวจากสนามบินอู่ตะเภาไปบ้านเพ/เกาะเสม็ดและเส้นทางสำหรับประชาชนจากเมืองระยองไปตลาดตะพง มีการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือสัตหีบ

ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของ EEC รวมทั้ง ให้พิจารณาแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการ/สหกรณ์เดินรถโดยสารประจำทางเดิมเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการเดินรถใหม่ เพิ่มเติมเส้นทางคมนาคมเพื่อขยายโครงข่าย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจรารจร และลดปัญหาคอขวด เช่น ก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง และอยากให้มีการขยายเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 สถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้เดินทางเป็นวงรอบได้ตลอดจนอยากให้พัฒนาสถานีศรีราชาให้เป็น intermodal สำคัญของนักธุรกิจ และนักลงทุนในการเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือแหลมฉบัง

ในส่วนของผู้แทนผู้ประกอบการเดินรถ ต้องการให้มีสถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสถานีรถไฟความเร็วสูง และให้จัดเตรียมพื้นที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้ง ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อสุขอนามัยของประชาชน

ทั้งนี้ อยากให้ผลการศึกษาดังกล่าว ต้องเชื่อมโยงเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสนับสนุนการเดินทาง การพัฒนาอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว และให้รัฐสนับสนุนการดำเนินการให้เกิดขึ้นได้จริง โดย สนข. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ และ สนข. จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป
 
#21 ·
Plan for mass transit lines (EV BUS, EV minibus or Trambus all with exclusive lanes) to feed High speed train for three airports by OTP for Chacheongsao, Chonburi and Rayong on 10 July 2020. There will be 3 lines - one line for each province as a part of EEC


3. Rayong city got Maptaphu Industrial estate - Rayong city - IRPC Industrial estate with the distance of 18.10 km


For the case of Rayong, here is the list:
Route 1 Map Taphut Industrial estate - IRPC Industrial estate => the OTP Choice
Route 2 Laem Charoen – Transportation Intersection
Route 3 U Tapao High speed train station – Rayong – Ban Phe [main ferry pier to Samet island]
Route 4 Rayong – Ban Khai – EECi
Route 5 Map Taphut Industrial estate - Nikhom Phatthana - Pluak Daeng
Route 6 U Tapao High speed train station – Rayong – EECi

The government is going to cooperate with municipals, PAO, and private sectors to implement
EV BUS, EV minibus and Trambus

Public opinions on the networks of mass transit project that all 3 provincial halls along with local governments in 3 provinces must work hand in hand to implement the system to support tourism.
Local Rayong people said they PREFER Route 3 (U Tapao High speed train station – Rayong – Ban Phe [main ferry pier to Samet island]) rather than Route 1 (Map Taphut Industrial estate - IRPC Industrial estate ) that please industrialists along with the route from Rayong city to Taphong market.

Furthermore, the local people of Chonburi and Rayong has pointed out that OTP has ignored the demands for those local Sattahip people along with those Sailor men and leatherneck men of Sattahip Naval Base who need better connection between Sattahip Port with U Tapao High Speed train station

Furthermore, those owners of minibus cooperatives (AKA those Minibus mafia) said they want to participate in this mass transit projects ... along with implementation of circle lines between 2 High Speed train station and those cities.

Furthermore, those locals also press the demands for moving the intercity bus terminals to be at High Speed train station for interconnection along with park and ride.

With such diverse demands, OTP will have to take the local demands into account for the final report to MOT and EEC Board

Note: Need to implement electric commuter trains to feed the system

สนข. จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก